“ชูวิทย์”แฉซุปเปอร์ดีล“ทักษิณ” ตั้งรัฐบาลภูมิใจไทยเป็นแกนนำ

วันที่ 27 ก.ค. 2566  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้เปิดแถลงข่าว ประเด็นกรณี “ทำไม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงกลับบ้าน” โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ฝั่งประชาธิปไตย หรือฝั่งที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้ง เมื่อรวมตัวเป็น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้เสียงในสภาไปทั้งหมด 312 คะแนน ส่วนอีกฝ่ายที่เป็นขั้วรัฐบาลเดิมมีเสียงในสภาที่ 188 คะแนนเสียง

นายชูวิทย์ ย้อนเล่าเหตุการณ์ในวันลงนามข้อตกลงร่วมกัน ของ 8 พรรคร่วมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ระบุว่า คนที่ได้ไปจับมือบนเวทีในงานแถลง เมื่อลงมาจากเวทีก็มีความเชื่อว่า จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จริง การร่วมกันสำหรับ 8 พรรคร่วมฯ ล่มตั้งแต่วันแรกหรือมีความตั้งใจจะให้ล่มตั้งแต่วันแรกแล้ว

โดยร้อยร้าวแรกที่เกิดขึ้น สังเกตเห็นมาตั้งแต่การเลือกตั้งประธานสภา ที่สุดท้ายต้องหาคนกลางมาทำข้อสรุปให้จบลง ต่อมาการโหวตนายกฯรอบที่ 1 ก็ไม่ผ่านสมาชิกวุฒิสภา รอบที่ 2 ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จนกระทั่งมีการเลื่อนโหวตนายกฯรอบที่ 3 ให้ไปเป็นวันที่ 3 สิงหาคม 2566

ต่อมา เมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับภารกิจจากพรรคก้าวไกล ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มีการเชิญฝ่าย 188 เสียง ขั้วรัฐบาลเดิม มาพูดคุยหารือ หาแนวทาง แต่ทั้งนี้ในทางการเมือง เพื่อเป็นการแสดงให้สื่อและประชาชนได้เห็นว่า มีการพูดคุยมีการชักชวนตามมารยาทแล้ว

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นซุปเปอร์ดีล พร้อมเปิดเผยภาพถ่าย ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อเวลา 15.00 น ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยในภาพมี นายทักษิณ ชินวัตร ,น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, แกนนำพรรคเพื่อไทย, กลุ่มทหาร และกลุ่มนายทุน ถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยจะต้องไปหารือ เพราะ พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนอยู่ตรงกลาง เป็นตัวแปรระหว่าง ฝั่งจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง และฝั่งรัฐบาลเดิม 188 เสียง การที่ทักษิณกลับมา เป็นเงื่อนไขในการปล่อยซุปเปอร์ดีลนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเงื่อนไข แต่ตนมองว่าทักษิณจะมาเป็นคนคุมเกม อย่างไรก็ตาม การกลับมาของทักษิณเป็นไปได้ทุกเวลา แต่ทำไมถึงกลับมาในช่วงเวลานี้ เพราะตอนนี้ถือเป็นจุดสำคัญ

ทั้งนี้การที่ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย ย่อมสอดคล้องกับประเด็นซุปเปอร์ดีลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากถามว่าถ้าทักษิณกลับมาประเทศไทยก็จะต้องรับโทษในหลายคดี ซึ่งบุคคลที่อายุมากกว่า 70 ปี จะนับว่า เป็นผู้สูงอายุ การที่ผู้สูงอายุเข้าไปในเรือนจำตามหลักการ แม้จะเข้าไป 1 หรือ 2 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่ง 1 วัน บุคคลนั้น จะสามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ เพราะว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องขัง

จากนั้น นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวถึงสูตรจัดตั้งรัฐบาลซุปเปอร์ดีล ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย,พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ   ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล และ พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยสูตรนี้ตนมั่นใจว่า จะเป็นสูตรที่ทำสำเร็จ

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า การที่พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำเป็นเจ้าบ้านสูตรนี้น่าจะสำเร็จ เพราะภูมิใจไทยสามารถเชิญหลายพรรคการเมือง ที่หลากหลายมาพูดคุยได้ อาทิ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ แต่อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ตนยืนยันได้ว่า จะไม่มีการรวมกันของ 2 ลุง พลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ อย่างแน่นอน เป็นไปได้ที่สุดคือมีพรรคพลังประชารัฐร่วม 1 พรรคเท่านั้น

จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ยกสแตนดี้ที่ระบุว่า จะเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่มา ซึ่งนายกฯคนดังกล่าวชูวิทย์ระบุว่า จะต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งในหัวข้อนายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้ ตนพร้อมที่จะอภิปรายนอกสภา ถึงความซื่อสัตย์ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ต้องเดินหน้าตรวจสอบ แต่วันนี้ตนสามารถให้ข้อมูลได้ว่า ว่าที่นายกฯคนดังกล่าวมีบุคคลสำคัญที่เรียกว่า ‘ขงเบ้ง’ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคนนี้เป็นที่รู้จักในวงการหุ้น,อสังหาริมทรัพย์ และที่ดิน ขงเบ้งเป็นคนไร้ร่องรอย แต่เป็นผู้หยั่งรู้ในวงการหุ้นวงการที่ดิน

สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ชูวิทย์ระบุว่า ไม่มีทางที่จะสำเร็จเปรียบเหมือนการโหวตหลอก  โดยแคนดิเดตนายกฯที่เพื่อไทยจะเสนอ คือ บุคคลสูงอายุ การโหวตเลือกครั้งที่ 3 ที่ตนมั่นใจว่า จะไม่สำเร็จส่วนหนึ่งเพราะ ทักษิณ ยังไม่เดินทางกลับมา ฉะนั้นหลังจากการกลับมาของทักษิณ ที่ตนมีข้อมูลว่า ขณะนี้พักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา 10 สิงหาคม จะสามารถโหวตนายกฯได้สำเร็จ ซึ่งนายกฯคนนั้นมาจากพรรคเพื่อไทย เป็นชาย รูปร่างสูงและทุกกระบวนการทั้งการได้นายกฯ และการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 15 สิงหาคม.