“เศรษฐา” ลั่น! ไม่แตะม.112 สะพัดหลากสูตรตั้งรัฐบาล

“เศรษฐา ทวีสิน” ส่งคำตอบสุดท้ายไม่ยุ่งกับมาตรา 112 ย้ำเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น โบรกฯ มั่นใจกลางส.ค.นี้ การเมืองชัดเจน แนะกลุ่มหุ้นที่ถูกถ่วงจากการเมือง GULF, THCOM, CRC, CPAXT, ADVANC และ STEC


หลังจากข้อกังขาเกี่ยวกับจุดยืนของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น  ล่าสุด นายเศรษฐาออกมากล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยังคงยืนยันเรื่องมาตรา 112 ต้องไม่อยู่กับพรรคที่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไป ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสว. และอีกหลายพรรคการเมือง

“หากเพื่อไทยเสนอชื่อผมในวันโหวตนายกฯ ครั้งถัดไป แน่นอนต้องไม่มีแก้ม.112 เพื่อไทยชัดเจนว่าจะไม่แก้ไข ไม่ยกเลิกแน่นอน หากต้องการให้ประเทศเดินหน้า และให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ก็จำเป็นที่จะต้องวางเรื่องม.112 ไว้ก่อน ในวันนี้เรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด เรื่องใดที่ทำให้ประชาชนอิ่มท้อง และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น วันนี้ต้องทำก่อน” นายเศรษฐา กล่าว

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกำหนดการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการนัดหมาย ซึ่งทางผู้ประสานงานยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบ ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่ได้มีข้อสรุปว่า 8 พรรคการเมืองจะนัดประชุมร่วมกันในวันใด ซึ่งหากทราบแล้วจะได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ด้านนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสการจัดตั้งรัฐบาลในหลายสูตรที่ออกมาว่า จากการสอบถามความคืบหน้าของทีมเจรจา ทราบเพียงว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ภายใต้ข้อจำกัดที่แต่ละฝ่ายมี ไม่ว่าจะเป็นสส.หรือสว. ที่ต่างแสดงท่าทีของตัวเองออกมา พร้อมกันนี้ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะประสานทุกอย่างได้ดีที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่มี และสามารถเดินหน้าประเทศไปได้

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.นั้น นายสุทินยอมรับว่ากังวลเรื่องศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณารับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยหรือไม่ และจะมีคำสั่งให้ชะลอกระบวนการเลือกนายกฯ หรือไม่ หรือจะวินิจฉัยไปในทางใด

“หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้ำได้ ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่าจะมีความเห็นอย่างไร แต่หากไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อ คือเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า กรณีที่สว.ออกมาตั้งคำถามถึงนายเศรษฐาเกี่ยวกับจุดยืนเรื่องมาตรา 112 นั้น ขอย้ำว่านายเศรษฐามีจุดยืนเดียวกับพรรคเพื่อไทย ว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับมาตรา 112 เพราะขณะนี้คือเวลาที่ต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชน ฟื้นฟูฐานะของประเทศ การจะทำเช่นนี้ได้ต้องสร้างบรรยากาศความสามัคคีของคนในชาติ ลดความขัดแย้งให้สถานการณ์นิ่งพอสมควร จึงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและฟื้นฟูฐานะการเงินการคลังของประเทศได้ ดังนั้นขอยืนยันว่านายเศรษฐาไม่มีจุดยืนที่แตกต่างไปจากพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ดี หากสว.อยากให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวตนายกฯ นั้น เรื่องนี้อยู่ที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาตหรือไม่ หากสมาชิกอยากให้แคนดิเดตฯ แสดงวิศัยทัศน์ แต่ตามข้อบังคับการประชุมสภาไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าต้องแสดงวิสัยทัศน์ นอกจากนี้นายเศรษฐามีความต่างจากแคนดิเดตฯ คนอื่น เพราะไม่ได้เป็นสส.

ในวันโหวตเขาอาจไม่อยู่ในสภาฯ การจะให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์ จึงต้องขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่มั่นใจว่านายเศรษฐาจะสามารถทำได้ดีหากต้องแสดงวิสัยทัศน์” นายสุทิน กล่าว

ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมจัดตั้งรัฐบาล 265 เสียง โดยไม่มีพรรคก้าวไกล และพรรค 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่าสูตรการเมืองสามารถมีได้หลายสูตร เกิดได้จากหลายกลุ่มหลายคน และเกิดได้ทุกสูตร เพราะการเมืองเป็นเรื่องของตัวเลข แต่ต้องรอดูว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้นจะมีข้อสรุปออกมาอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน จึงยังตอบไม่ได้ว่าสูตรดังกล่าวจะเกิดได้หรือไม่

ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเมืองภายในยังอยู่ในโหมดรอความชัดเจน คือ 1)คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหญ่นัดประชุมวันที่ 3 ส.ค. 2566 ว่ารับหรือไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ปมมติรัฐสภาใช้ข้อบังคับที่ 41 ขวางนายพิธาโหวตนายกฯ รอบ 2 ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยต้องติดตาม 3 กรณี คือ 1.ไม่รับฟ้อง 2.รับฟ้อง และให้เลื่อนโหวตนายกฯ 3.รับฟ้อง แต่ไม่เลื่อนโหวตนายกฯ

2)กรณีศาลไม่รับฟ้องหรือรับฟ้อง แต่ไม่เลื่อนโหวตนายกฯ ประธานสภาฯ นัดประชุมสภาโหวตนายกฯ รอบที่ 3 ในวันที่ 4 ส.ค.นี้

3)ติดตามการประชุมระหว่าง 8 พรรคร่วมรัฐบาลช่วงต้นส.ค. ที่ยังไม่สรุปวัน

4)การเมืองนอกสภาช่วงหยุดยาวเป็นไปตามกลไกปกติ โดยไม่มีเหตุรุนแรง ยังคงมุมมองประเมินภาพรวมความชัดเจนการเมืองภายในน่าจะเกิดขึ้นราว 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้น คือกลางเดือน ส.ค.นี้

ทั้งนี้ มั่นใจว่าความคืบหน้าการเมืองในอีกไม่นาน ยังทยอยสะสมหุ้นอิงภายในที่ถูกถ่วงจากการเมือง อาทิ GULF, THCOM, CRC, CPAXT, ADVANC และ STEC

Back to top button