“อดิศักดิ์” มั่นใจ JMART กำไรโตครึ่งปีหลัง! ปัญหา SINGER คลี่คลาย
"อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" มั่นใจ JMART กำไรโตครึ่งปีหลัง ตัวชูโรงหุ้น JMT-สุกี้ตี๋น้อย ช่วยขับเคลื่อนให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ขณะที่ปัญหา SINGER เริ่มคลี่คลาย
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยในรายการข่าวหุ้นเจาะตลาด เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 โดยกล่าวว่า การช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการของรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ต้องการให้จบในไตรมาส 2 และมีการตั้งสำรองงบในไตรมาสที่ 2 ซึ่งก็เชื่อว่าได้มีการช่วยเหลือจากธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเราตัดสินใจว่าทำครั้งนี้ให้มันจบ ซึ่งเชื่อว่าได้ตั้งสำรองมากเพียงพอแล้ว
ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ในส่วนของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER คิดว่าทีมผู้บริหารที่ได้รับนโยบายจากคณะกรรมการให้กดตัวเล็กที่สุดเพื่อเคลียร์ปัญหาให้มากที่สุด ก่อนที่จะเร่งการเติบโต ดังนั้นต้องทำให้ SINGER มีความแข็งแรงก่อนและให้ดอกออกผลได้ ซึ่งต้องใช้เวลา โดยขณะนี้ 6-7 เดือนที่ทำเรื่องนี้มาก็จะค่อยๆเติบโตในไตรมาส 3/66 และไตรมาส 4/66 คาดว่าจะไม่ติดลบแล้ว
ขณะที่ JMART และบริษัทในเครือนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาแค่บริษัทเดียว SINGER แต่ในส่วนบริษัทตัวอื่น อย่าง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เติบโตเกือบ 30% ในครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิประมาณ 1 พันล้านบาท และคิดว่าในปีนี้จะไปได้ถึง 2 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโมบายนั้นก็ยังเติบโต แต่ว่าอาจจะมีอำนาจการซื้อลดลงในไตรมาส 2 แต่ก็ยังส่งผลกำไรได้อยู่
ส่วน บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด หรือ J ไตรมาสหน้าจะเปิดอีกหนึ่งศูนย์การค้า ก็จะทำให้รับรู้รายได้พิเศษก้อนใหญ่ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวผลักดันอีกบริษัทหนึ่ง ส่วนที่มองเห็นกำไรชัดเลยก็คือธุรกิจสุกี้ตี๋น้อย โดยในครึ่งปีที่ผ่านมากำไร 420 ล้านบาท ทั้งปีก็คาดว่าจะถึง 900 ล้านบาท เพราะอยู่ในช่วงขยายสาขา เพราะฉะนั้นถ้าดูในครั้งหลังก็ยังเติบโต ซึ่งในตัว SINGER ไม่ได้มาดึงแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาก็ได้แก้ไขมาเยอะมาก และเรามีความระมัดวัง ก็จะทำให้ JMART มีความแข็งแรงมากขึ้น
สำหรับประเด็นเรื่องงบการเงินของ JMART ที่ตรงส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมค้าที่ได้มากถึง 260 ล้านบาท ตรงนี้ต้องย้ำว่าทุกบริษัทไม่ได้มีปัญหา ซึ่งเติบโตและมีแนวโน้มที่แข็งแรงมากขึ้น จน ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มาทำ JV กับ JMT จึงทำให้ JMART ได้รับผลบวกไปด้วย ส่วนอีกตัวหนึ่งก็คือมาจากสุกี้ตี๋น้อยที่มีกำไรในปีนี้ โดยดูแล้วในปีหน้า JMART จะ “ออลไทม์ไฮ”
สำหรับในช่วงปีหน้าหากกล่าวถึงในส่วนของหุ้น BRR ตอนนี้ก็มีเรื่องของสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อย (เกี๊ยวอ้อย) และมีการขายผลิตภัณฑ์ของ SINGER และ JMART เข้าไปในกลุ่ม ส่วน บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ก็ได้มีการทำธุรกิจด้วยกัน 2 เรื่อง คือทำบ้านพักสูงอายุที่จะเข้าไปปรับปรุงบ้านลูกค้า โดยมีระบบให้ลูกค้าเลือกได้เช่นการทำห้องน้ำมีที่จับ หรือทางวีลแชร์ อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องการซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ยังร่วมกับ บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR ซึ่งจะทำการคัดสรรทีมงานให้กับ JMART
ขณะที่เรื่องการซื้อหนี้ก้อนใหญ่นั้น 6 หมื่นล้านบาทมาบริหาร ที่ผ่านมาจริงๆแล้วเป็นก้อนที่เล็งมา 3 ปี แต่ก็ไม่ได้จากนั้นก็ผิดหวัง ท้ายที่สุดก็มีคนมาขาย JMT
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการที่ JMART ยังคงเติบโตได้ตลอดนั้นเป็นเพราะว่าพอร์ตใหญ่ขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไปทีมงานก็มีประสบการณ์มากขึ้น ส่วนปัจจัยหลักก็คือการขยายสาขาให้ไปอยู่กับลูกค้ามากขึ้น จนตอนนี้ในไตรมาส 3/66 จะมีหน่วยรถลงไปหาลูกหนี้ เป็นการลงลึกอีกหนึ่งสเต็ปเป็นจำนวน 30 คัน และจะเอาสินค้า SINGER ลงไปขาย นี่ก็จะเป็นกลยุทธ์อีกทางหนึ่ง