TIDLOR บวก 5% มั่นใจครึ่งปีหลัง 66 สินเชื่อโตต่อ-NPL คงระดับต่ำ

TIDLOR บวก 5% มั่นใจครึ่งปีหลัง 66 สินเชื่อโตต่อ- NPL คงระดับต่ำ ขณะที่โบรกยังคงเป้าทั้งปีกำไรยังเติบโตจากปีก่อน ขณะที่ราคาที่ปรับลงมาลึกเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็น ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ส.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ล่าสุด ณ เวลา 14:49 น. อยู่ที่ระดับ 21.60 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 4.85% สูงสุดที่ระดับ 21.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 823.18 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ TIDLOR ไม่เร่งขยายสินเชื่อจนเกินไปเนื่องจากสินเชื่อขยายตัว 5% จากไตรมาสก่อน และ 7% จากต้นปีถึงปัจจุบัน ในไตรมาส 2/66 บริษัทจึงยังคงเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 10-20% ซึ่งหมายความว่าโมเมนตัมการเติบโของสินเชื่อในงวดครึ่งปีหลังปี 66 จะอยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับการที่ไม่มีการขยายสาขาเพิ่มในงวดครึ่งปีแรกปี 6 และไม่มีแผนจะเร่งขยายสาขาในงวดครึ่งปีหลังปี 66 ทั้งนี้ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนั้นมาร์จิ้น ในครึ่งปีหลังปี 66 จึงน่าจะลดลงประมาณ 20-30bps เทียบจากครึ่งหลังปี 65

นอกจากนี้ มีสัญญาณดีขึ้นจากการที่รายได้ค่าธรรมเนียมโตเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ประมาณ 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ที่ 20-25% ในขณะเดียวกัน การเร่งเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ หรือ telesales (จาก 600 คนในไตรมาส 1/66 เป็น 700 คนในไตรมาส 2/66) และการเร่งเพิ่มจำนวนตัวแทน (จาก 6700 คนในไตรมาส 1/66 เป็น 11,000 คนในไตรมาส 2/66) น่าจะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการเป็นนายหน้าประกันในงวดครึ่งหลังปี 66

อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิจัยเห็นสัญญาณบวกจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น บริษัทสามารถรักษาสัดส่วน NPL ให้คงอยู่ในระดับต่ำได้ที่ 1.5% ในครึ่งแรกปี 66 (เท่ากับในปี 65) จากเป้าเต็มปีที่น้อยว่า 1.8% ในขณะเดียวกัน credit cost ทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ในงวดครึ่งแรกปี 66 และสัดส่วน NPL coverage ยังอยู่ในระดับสูงที่ 260% ดังนั้น จึงมองว่า TIDLOR น่าจะสามารถลด credit cost ลงได้ในครึ่งหลังปี 66 (TIDLOR ตั้งเป้าคชจ.สำรองฯ (credit cost)  เต็มปีเอาไว้ที่ 3.3-3.5%)

นอกจากนี้ เห็นสัญญาณว่าผลประกอบการของ TIDLOR น่าจะเริ่มทรงตัว เพราะบริหารจัดการ credit cost ได้มากขึ้น และ NPLs นิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะยากลำบากมากขึ้น และมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลเพื่อคุมหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ดังนั้น จึง de-rate PE ของกลุ่ม non-bank ลงจากสมมติฐานเดิมประมาณ 15% โดยเราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายที่อิงจากประมาณการกำไรเฉลี่ยสองปี และ PE ใหม่ที่ 16.5 เท่า (ลดงงจากเดิมที่ 20 เท่า) ทำให้ได้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าใหม่ที่ 27 บาท (จากเดิมที่ 30.50 บาท) และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

บริษัท หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้า ส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงเป้าทั้งปีของบริษัท TIDLOR ไว้ที่เดิมทุกอย่าง และเชื่อว่าทั้งปี 66 กำไรยังเติบโตจากปีก่อน เพิ่มขึ้น 8% และทำนิวไฮต่อเนื่อง โดยราคาที่ปรับลงมาลึกเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็น ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุน

Back to top button