ESSO-BCP วิ่งคึก! รับปิดดีลเทก “เอสโซ่” 5.5 หมื่นล้าน เทนเดอร์สูงกว่ากระดาน

ESSO-BCP บวกคึก! รับข่าว “บางจาก” ปิดดีลซื้อ “เอสโซ่” มูลค่า 5.55 หมื่นล้านบาท เคาะราคาสุดท้ายหุ้นละ 9.8986 บาท พร้อมตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลืออีก 34.01% เร็ว ๆ นี้ มั่นใจคืนทุนภายใน 4-5 ปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ส.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ณ เวลา 10:11 น. อยู่ที่ระดับ 9.80 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 2.62% สูงสุดที่ระดับ 9.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 684.43 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อยู่ที่ระดับ 38.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2% สูงสุดที่ระดับ 38.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น ESSO และ BCP ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีการรายงานข่าวปิดดีลซื้อ “เอสโซ่” มูลค่า 5.55 หมื่นล้าน ด้วยราคา 9.8986 บาท/หุ้น

ด้านนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP เปิดเผยว่า บริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นสามัญ ESSO จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ที่ราคาหุ้นละ 9.8986 บาท รวมมูลค่า 22,605.93 ล้านบาท มีกำหนดชำระราคาค่าหุ้นวันที่ 31 ส.ค. 2566 โดย ESSO มีมูลค่ากิจการดังกล่าวอยู่ที่ 55,500 ล้านบาท

หลังจากนั้นบริษัทจะดำเนินการเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ที่เหลืออีกจำนวน 1,177,108,000 หุ้น (หรือ 34.01%) จากผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยจะมีการยื่นคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต่อไป

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา BCP ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น ESSO จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. และดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนการเข้าซื้อหุ้นสามัญของเอสโซ่ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว

โดยเงื่อนไขดังกล่าว ประกอบด้วย

1) ESSO ได้รับความเห็นชอบและ/หรือการผ่อนผันหน้าที่ตามข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่ระบุไว้ โดยเฉพาะสัญญาขยายและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม (ฉบับลงวันที่ 27 ธ.ค. 2534) จากกระทรวงพลังงาน หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ขายสามารถขายหุ้นที่ซื้อขาย โดยกรณีนี้ ESSO ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติหรือการผ่อนผันใด ๆ จึงถือว่าเงื่อนไขบังคับก่อนข้อนี้ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว

2) บริษัทได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทให้เข้าซื้อหุ้น ESSO วันที่ 11 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา

3) บริษัทได้รับความเห็นชอบต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้าแบบมีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา

4) คู่สัญญาตกลงกันเกี่ยวกับราคาซื้อขายสุดท้ายได้ตามสัญญาซื้อขายหุ้นได้สำเร็จลงเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ BCP ระบุว่า การซื้อหุ้น ESSO ครั้งนี้ ทำให้ BCP ได้สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนบริษัท โดย BCP จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มเป็น 294,000 บาร์เรลต่อวัน มีสถานะเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย และมีเครือข่ายสถานีบริการรวม 2,150 แห่ง หรือคิดเป็น 7.4% จากเดิมอยู่ที่ 5.4% ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด โดยบริษัทเตรียมเงินสำหรับดีลนี้ไว้ประมาณ 55,500 ล้านบาท คาดว่าการซื้อ ESSO ครั้งนี้ จะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 4-5 ปี

ขณะเดียวกัน การที่มี 2 โรงกลั่นน้ำมันภายใต้การบริหารงานของ BCP ทำให้เกิดการประสานประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) เรื่องการจัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และ BCP มีปริมาณน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น จากโรงกลั่นเอสโซ่ด้วย โดยปัจจุบันโรงกลั่นบางจากมีกำลังการกลั่น 1.23 แสนบาร์เรลต่อวัน ไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายผ่านสถานีบริการบางจาก ที่ต้องการจำหน่าย 1.43 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศบางส่วน

ดังนั้น การเข้าซื้อ ESSO จะทำให้บริษัทได้ทั้งโรงกลั่นน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งสิทธิการใช้ท่อส่งน้ำมันแทปไลน์ด้วย ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายกำลังการกลั่นโรงกลั่นเอสโซ่เพิ่มขึ้นด้วย โดยบางจากจะทยอยเปลี่ยนเครื่องหมายการค้า (โลโก้) ปั๊มเอสโซ่เป็นโลโก้ใหม่ของ BCP ภายในปี 2567

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ BCP สรุปราคาซื้อหุ้น ESSO ที่ 9.8986 บาทต่อหุ้น และเชื่อว่าวันนี้ (28 สิงหาคม) ราคาหุ้น ESSO ในกระดาน จะปรับขึ้นไปอยู่บริเวณ 9.90 บาท เนื่องจากเป็นราคาขั้นต่ำสุดแล้ว หากราคาปรับตัวลดลงมา สามารถขายทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ให้กับ BCP ได้ ความเสี่ยงขาลงจึงมีจำกัด ทำให้มีนักลงทุนกล้าเข้ามาเก็งกำไร

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 9.90 บาท มีสูง เนื่องจากงบของเอสโซ่ในไตรมาสที่ 3/2566 จะออกมาดี จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

“เชื่อว่าราคาเปิดของวันนี้ (28 สิงหาคม) สำหรับหุ้นเอสโซ่ น่าจะอยู่บริเวณ 9.90 บาท” บล.กสิกรไทย กล่าว

โดยให้ราคาเป้าหมาย ESSO อยู่ที่ 10.3 บาท การปรับราคาขึ้นมากกว่านี้ ต้องมาดูผลประกอบการเป็นหลักช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ราคาเป้าหมายหุ้น BCP อยู่ที่ 40.2 บาท

Back to top button