ส่อเค้าวุ่น! สรรหา “เลขาฯกสทช.” หลัง 4 ผู้สมัครจ่อฟ้อง “หมอไห่” ลุอำนาจ
"สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ประธาน กสทช.งานเข้า หลัง 4 ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเลขาธิการกสทช.จ่อฟ้องศาลปกครอง อ้างสาเหตุว่าสรรหาไม่เป็นธรรม-ใช้อำนาจคนเดียวปัดตกผู้สมัคร ขัด พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61
ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงแหลงข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ผู้เข้ารับการสรรหาตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายเทคโนโลยี ธ.กรุงไทย และ นางสุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ได้ส่งหนังสือคัดค้านการแจ้งผลการคัดเลือก สรรหา เลขาธิการ กสทช. ต่อ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และอาจไปถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง
สำหรับเนื้อหาสาระที่ผู้สมัครทุกรายได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงาน กสทช. ลงนามโดยประธาน กสทช. ระบุเพียงว่า ไม่ผ่านการคัดเลือก โดยไม่บอกเหตุผล หรือคะแนนคัดเลือกแต่อย่างใด และมีกระแสข่าวว่า ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกที่จะนำชื่อเสนอต่อบอร์ด กสทช. คือ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. แต่เนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา มี กสทช.ลาป่วย คือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ไม่ได้เข้าร่วมประชุม จึงไม่สามารถนำเรื่องนี้มาพิจารณา เพราะต้องรอให้คณะกรรมการพิจารณาพร้อมกันทั้ง 7 คน
ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า หนังสือคัดค้านของนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ ระบุว่า การพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการโดย ประธาน กสทช. เพียงคนเดียว ซึ่งตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61 กำหนดให้ การแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. กระทำโดยประธาน กสทช. โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ กสทช. แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการต้องมีลักษณะเป็น “คณะกรรมการ” ประกอบไปด้วย กรรมการ กสทช. จำนวน 7 คน โดยใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายผ่านการ ลงมติ ฉะนั้นการที่จะตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องมีการลงมติ จากคณะกรรมทั้งหมด มิใช่จาก ประธานเพียงแค่ท่านเดียว
สอดคล้องกับเอกสารของ นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ระบุว่า กระบวนการคัดเลือกดังกล่าว มีการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง และขาดความชัดเจน อาทิ มีการขยายเวลารับสมัครตามที่ประกาศปรากฎอยู่ในสื่อสาธารณะหลังจากวันหมดเขตการรับสมัครในครั้งแรก ซึ่งอาจส่งผลถึงการได้เปรียบเสียเปรียบ อีกทั้ง มีการเพิ่มขั้นตอนการพิจารณาโดยไม่เคยมีการแจ้งถึงการสัมภาษณ์และการแสดงวิสัยทัศน์ มาก่อน แต่กลับมาแจ้งภายหลังและกำหนดระยะเวลาแบบกระชั้นชิดและมีข้อจำกัดในการนำเสนอหลายประการ นอกจากนี้ ยังไม่มีการชี้แจงหรือประกาศผลการพิจารณาคัดเลือก ตามกระบวนการที่ควรจะเป็น
ด้านผู้สมัครอีกราย ให้เหตุผลในเอกสารว่า “อำนาจในการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. เป็นอำนาจของ กสทช. ทั้งคณะ มิใช่อำนาจของประธานกรรมการแต่ผู้เดียว ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ประกอบกับระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการประชุม การคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. โดยหนังสือแจ้งผลการคัดเลือกดังกล่าวจึงไม่มีผลตามกฎหมาย ดังนั้น จึงขอให้ประธาน กสทช. ดำเนินการแก้ไขกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.ให้ถูกต้องภายใน 15 วัน โดยให้นำรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ ที่ได้มาแสดงวิสัยทัศน์ทุกคนและนำผลเข้าสู่การพิจารณาของ กสทช.ทั้งคณะ ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ทั้งนี้แหล่งข่าวคนเดียวกันยังระบุว่า หากผู้สมัครทั้ง 4 คนฟ้องศาลปกครอง เชื่อว่าจะสามารถชนะได้ เพราะการสรรหาครั้งนี้ มีการประกาศเป็นการทั่วไป และไม่ว่าองค์กรใดต่างก็ใช้วิธีเสนอชื่อผู้ที่เข้ารับการสรรหา ให้บอร์ดทุกคนโหวต ไม่ใช่การใช้อำนาจประธานเพียงคนเดียวในการคัดเลือกรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือก
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กรรมการ กสทช. อีก 4 ราย ไม่เห็นด้วย หากจะมีการแต่งตั้งนายไตรรัตน์ เป็นเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บอร์ด กสทช. เคยมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายไตรรัตน์ กรณีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งยังไม่พิจารณาไม่แล้วเสร็จ.