PIMO พุ่งกระฉูด 16% นิวไฮรอบ 4 เดือน ส่งซิก Q3 แจ่ม รับไฮซีซั่น

PIMO พุ่งกระฉูด 16% นิวไฮรอบ 4 เดือน ส่งซิกผลงาน Q3/66 แจ่ม รับไฮซีซั่น มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรกรับออเดอร์ลูกค้าต่างประเทศพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 ก.ย.25665) ราคาหุ้นบริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ณ เวลา 11:33 น. อยู่ที่ระดับ 1.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.27 บาท หรือ 15.79% โดยทำจุดสูงสุดที่ 2.06 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38.89 ล้านบาท ราคาหุ้นทำนิวไฮรอบ 4 เดือน เทียบราคาหุ้นยืนที่ระดับ 2.00 บาท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66

โดยก่อนหน้านี้นายปภัสร์ อิทธิโรจนกุล ผู้จัดการสายงานการผลิต PIMO เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโอกาสเติบโตขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกมาจาก

  1. ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่จะปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นด้วย และ
  2. บริษัทเริ่มเห็นคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น

โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 น่าจะดีขึ้น เพราะบริษัทเริ่มเห็นลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายต่างประเทศที่ 40% เริ่มมีการคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตมอเตอร์ได้ที่ประมาณ 70,000 ลูกต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคิดเป็น 70% ของกำลังการผลิตรวมที่สามารถผลิตได้ 100,000 ลูกต่อเดือน

“บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 2566 ลง 20% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 1,200 ล้านบาท เพื่อให้สะท้อนกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานของบริษัทลดลง ซึ่งเกิดจากลูกค้าต่างประเทศมีความต้องการลดลง” นายปภัสร์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 17.89 ล้านบาท ลดลง 41.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.57 ล้านบาท และมีรายได้รวม 257.03 ล้านบาท ลดลง 21.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 32.72 ล้านบาท ลดลง 48.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.24 ล้านบาท และมีรายได้รวม 515.79 ล้านบาท ลดลง 24.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ลดลงหลัก ๆ เกิดจากลูกค้าต่างประเทศมีความต้องการลดลง ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีเหตุผลหลักดังนี้

  1. อัตราเงินเฟ้อสูงในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศออสเตรเลีย,
  2. อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้อ่อนแอลง
  3. ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่บ้าน จึงนำเงินมาปรับปรุงสระว่ายน้ำและปรับปรุงบ้านในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อโควิด-19 คลี่คลาย ประชาชนจึงลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้และออกไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ายอดขายส่งออกจะฟื้นตัวบ้างในไตรมาส 4/2566 นี้

Back to top button