MOSHI พุ่งต่อ 5% ออลไทม์ไฮ ลุ้นไตรมาส 4 โตแกร่ง แบรนด์ Garlic หนุนยอดขาย

MOSHI พุ่งต่อ 5% ออลไทม์ไฮ ลุ้นไตรมาส 4/66 โตเด่น รับแรงตอบรับจากแบรนด์ Garlic หนุนยอดขาย ขณะที่โดยรวมของแบรนด์ Moshi Moshi บริษัทตั้งเป้าการขยายสาขาสิ้นปี 66 จะมีสาขารวม 125 สาขา บล.ทิสโก้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมปี 67 อยู่ที่ 60 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ล่าสุด ณ เวลา 10:12 น. อยู่ที่ระดับ 61.25 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 5.15% สูงสุดที่ระดับ 61.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 58.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110.41 ล้านบาท ซึ่งทำออลไทม์ไฮ

นายชุณห์ โภไคศวรรย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการเงินและงบประมาณและนักลงทุนสัมพันธ์ MOSHI เปิดเผยว่า กลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทที่จะขับเคลื่อนให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย เรื่องแรกคือการขยายสาขาซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะขยายสาขาแบรนด์ Moshi Moshi อย่างน้อย 20 สาขาต่อปี โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้วทั้งหมด 7 สาขา และครึ่งปีหลังจะเปิดอีกอย่างน้อย 13 สาขา แบ่งเป็นไตรมาส 3/66 เปิดประมาณ 5 สาขา ส่วนที่เหลือจะเปิดในไตรมาส 4/66 ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และจังหวัดที่บริษัทยังไม่ได้ไปเปิดสาขา ซึ่งบริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 40 ล้านบาททั้งการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม

นอกจากนี้ แผนการขยายสาขาแบรนด์ใหม่ คือแบรนด์ Garlic ก่อนหน้านี้ได้เปิดสาขาแรกไปที่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ในรูปแบบ Shop in Shop ตั้งอยู่ภายในร้าน Moshi Moshi ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งในไตรมาส 4/66 บริษัทมีแผนจะขยายสาขาเฉพาะแบรนด์ Garlic ซึ่งมีสัดส่วนสินค้านำเข้ามากกว่าแบรนด์ Moshi Moshi และเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ Diffuser:ก้านไม้หอม

กลยุทธ์โดยรวมของแบรนด์ Moshi Moshi บริษัทตั้งเป้าการขยายสาขาสิ้นปี 66 จะมีสาขารวม 125 สาขา และในปี 68 จะมีทั้งหมด 165 สาขา โดยที่ 1-2 ปีแรกยังให้ความสำคัญในการขยายสาขาในประเทศเป็นหลัก และจะขยายไปต่างประเทศ โดยเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งบริษัทอยู่ในระหว่างศึกษาอย่างต่อเนื่อง และวางแผนจะเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปีไปจนถึงปี 68

ขณะที่ บล. ทิสโก้ ระบุว่า จากข้อมูลผู้บริหารคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังที่จะเติบโตจากครึ่งปีแรก ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยคงเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี ด้วยเป้าหมายขยายสาขา 20 สาขาต่อปี และการเพิ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง

สำหรับเริ่มไตรมาส 3 – ปัจจุบัน SSSG ยังอยู่ระดับ 2 หลักที่ 10% โดยคาดเป้าหมาย 20 สาขาต่อปีเป็นไปตามเป้า โดย MOSHI มีจานวนสาขาทั้งสิ้น 114 สาขา ณ ไตรมาส 2/66 ในครึ่งแรกปี 66 เปิดไปแล้ว 7 สาขา และคาดจะเปิดได้อีกอย่างน้อย 13 สาขาในครึ่งหลังปี 66 ซึ่งปัจจุบัน Secured พื้นที่แล้ว 14 จุด ดังนั้นคาดเป็นไปตามเป้าได้ และคาดจะมีการเปิดสาขาStandalone ได้ในไตรมาส 4/66

ส่วนเมื่อกลาง ส.ค. บริษัทได้เปิดร้าน Garlic เป็นร้านรูปแบบใหม่ Shop inShop ในร้าน Moshi Moshi มีขนาด 150 ตารางเมตร ด้วยคอนเซปต์ Chic & Cool ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยคาดจะเปิดได้อีก 2 สาขาในปีนี้

นอกจากนี้ MOSHI มีสินค้า 13 กลุ่ม (ไตรมาส 2/66 เพิ่มสินค้ากลุ่ม PET) และในครึ่งปีหลังคาดจะการออกสินค้าใหม่ Thai Artist Collection 2 เพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่อีก 1 กลุ่มสินค้า และยังมีสินค้า Collection License ในครึ่งปีหลัง ที่จะเข้าช่วยเพิ่มความหลากหลายสินค้าและเพิ่มยอดขายต่อสาขา

อีกทั้งบริษัทคาดอัตรากาไรขั้นต้นปี 66 ไม่ต่ำกว่าในครึ่งปีแรกที่ 52.9% แม้ว่าจะมีผลจาก The OK ที่มีอัตรากาไรที่ต่ำกว่า MOSHI เข้ามา แต่ด้วยบริษัทมีการขยายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น กลุ่มน้ำหอม การปรับแพคเกจจิ้ง และ Bundle สินค้า และการเพิ่มขึ้นสัดส่วนสินค้านำเข้าซึ่งมีมาร์จิ้นสูงมาอยู่ที่ 56% สำหรับ MOSHI และ The OKStation จะมีการนาเข้าสินค้าเองในสัดส่วน 30% ที่จะเริ่ม ก.ย.

 

ทั้งนี้ ด้วยปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนตัวของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน และไม่มีเทศกาลและกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในไตรมาส ดังนั้น คาดผลประกอบการจะอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน เนื่องจากผลจากการขยายสาขาในช่วงที่ผ่านมาและแผนการออกสินค้าใหม่ และคาดจะเห็นการเติบโตที่ดีจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน

ขณะที่ในไตรมาส 4/66 จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเทศกาล อาทิ ลอยกระทงวันคริสมาสต์และปีใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้า ด้วยผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 66 อยู่ที่ 169 ล้านบาท (93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน) และคิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี ดังนั้น ยังคงประมาณการผลประกอบการโดยคาดกาไรสุทธิเติบโต 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน มาที่ 342 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 67 มาที่ 468 ล้านบาท (37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน)คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมปี 67 อยู่ที่ 60 บาท

Back to top button