BH บวก 4% “ออลไทม์ไฮ” โบรกชี้งบ Q3 เด่นสุดกลุ่มรพ. แนะซื้อเป้า 288 บ.

BH บวก 4% “ออลไทม์ไฮ” โบรกชี้งบ Q3/66 เด่นสุดกลุ่มรพ.รับอานิสงส์ผู้ป่วยไทย-ต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พ่วงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 6,895 ล้านบาท แนะซื้อเป้า 288 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11 ก.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ณ เวลา 11:02 น. อยู่ที่ระดับ 265.00 บาท บวก 10.00 บาท หรือ 3.92% สูงสุดที่ระดับ 267.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 257.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 666.51 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวแรงตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2532

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BH กำหนดราคาพื้นฐานที่ 288 บาทต่อหุ้น คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 ของ BH จะยังคงเติบโตเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาลโดยมีปัจจัยหนุน 3 ปัจจัยหลัก คือ1. ปัจจัยฤดูกาล High Season (หน้าฝน) จะส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยยังคงเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก,2. จำนวนผู้ป่วยต่างชาติ (ตะวันออกกลาง, CLMV และจีน) จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และ3. แผนการขยายโรงพยาบาล อาคาร Vital Life ซึ่งคาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนกันยายน 2566 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยสูงขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ BH อยู่ที่ 6,895 ล้านบาท (จากเดิมคาดไว้ 5,410 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 39.6% จากปีก่อน บนสมมติฐานรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 25% และรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น 10%

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 7,383 ล้านบาท (จากเดิมคาดไว้ 5,723 ล้านบาท) บนสมมติฐานรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น 10% และรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น 3%

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา BH รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 49.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,748 ล้านบาท ตามการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง (กาตาร์, คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และชาวจีนที่กลับมาเติบโตมากกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19

โดยบริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 6,029 ล้านบาท ผลจากรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ และผู้ป่วยชาวไทยที่เติบโต 28.6% และ 13.7% ตามลำดับ โดยสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทย อยู่ที่ 65.2% และ 37.7% เข้าใกล้ระดับปกติ

ขณะที่อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 38.9% เพิ่มขึ้นจากระดับ 34.4% ในไตรมาส 2/2565 เป็นผลจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Back to top button