มติครม. ไฟเขียว ลดอัตราภาษีสรรพสามิต “น้ำมันดีเซล” มีผล 20 ก.ย.นี้
ครม.เศรษฐา ออกมาตรการช่วยประชาชน ลดราคาน้ำมันมีผล 20 ก.ย. – 31 ธ.ค.66
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา พบว่ามีมติ เกี่ยวกับเรื่องร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเสนอว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโนบายเร่งด่วนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดมีความผันผวนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาอยู่ที่ 87.27 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 71.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในเดือนมกราคม 2566)
อย่างไรก็ดี กลไกในการดูแลราคาน้ำมันดีเซลมีอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และภาษีสรรพสามิต ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า น้ำมันดีเซลถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เป็นต้นทุนในภาคการผลิตสินค้า ไฟฟ้า และภาคการขนส่งในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงจนอาจกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนในระดับที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน จึงควรดำเนินมาตรการทางภาษีโดยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ 01.05 รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันและรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่
โดยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตลดลงประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร ตามชนิดของน้ำมันดีเซล โดยให้อนุพันธ์ของน้ำมันดังกล่าวมีการปรับลดอัตราภาษีตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันที่ผสมอยู่ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามที่นำเสนอแล้ว กระทรวงการคลังจะพิจารณาความเหมาะสมของการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตต่อไปเพื่อให้ฐานะทางการคลังของประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น
สำหรับสาระสำคัญ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพามิต ประเภทที่ 01.05 รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ โดยกำหนดให้มีอัตราภาษี ดังนี้
1. น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันเกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.940 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 6.440 บาท
2. น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.940 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 6.440 บาท
3. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่เกินร้อยละ 4 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.940 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 6.440 บาท
4. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ 4 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.670 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 5.990 บาท
5. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ 7 แต่ไม่เกินร้อยละ 9 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.630 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 5.930 บาท
6. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ 9 แต่ไม่เกินร้อยละ14 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.550 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 5.800 บาท
7. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ 14 แต่ไม่เกินร้อยละ 19 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.360 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 5.480 บาท
8. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่เกินร้อยละ 19 แต่ไม่เกินร้อยละ 24 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 3.153 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราตามปริมาณลิตรละ 5.153 บาท