SMT บวก 3% ส่งซิกยอดขาย Q3 พุ่ง แนะซื้อเป้า 5.30 บาท  

SMT บวก 3% ส่งซิกยอดขายไตรมาส 3/66 พุ่ง มั่นใจสินค้าใหม่ EV Charger Controller และสินค้ากลุ่ม Audio Backplate หนุนโต แนะซื้อเป้า 5.30 บาท  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT ล่าสุด ณ เวลา 15:36 น. อยู่ที่ระดับ 5.20 บาท ปรับตัวขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.97% ราคาสูงสุด 5.30 บาท ต่ำสุด 5.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.98 ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 6 เดือน โดยเทียบราคาหุ้นยืนที่ระดับ 5.10 บาท เมื่อวันที่ 17 ก.พ.66

โดยก่อนหน้านี้นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT เปิดเผยว่า ปีนี้ยอดขายจะยังเติบโตได้บนตัวเลข 2 หลัก แม้จะมีการปรับเป้าหมายรายได้จากเดิม 4,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 80% ของเป้าหมายเดิมเป็นประมาณ 3,300 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธุรกิจ OSAT ซึ่งเป็นสินค้าประเภท IC Packaging มีคำสั่งซื้อชะลอตัว ส่วนธุรกิจ Optics อุปกรณ์การสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง ที่มีมาร์จิ้นสูง ยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นสามารถปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ด้านแนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 3/2566 คาดยอดขายจะปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากผลของฤดูกาลและการเพิ่มขึ้นของยอดขายของสินค้าใหม่ เช่น EV Charger Controller และสินค้ากลุ่ม Audio Backplate หนุนการเติบโต โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์การบริหาร Supply Chain ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้าเพิ่ม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงพลังงานไฟฟ้า (EV) ที่มีการขยายตัว ซึ่งน่าจะส่งผลให้บริษัทได้รับออเดอร์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า 5 ปี จะมีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากคาดการณ์ปีหน้าที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท จากฐานลูกค้าที่มีการเซ็นสัญญาไว้แล้ว รวมถึงศักยภาพของลูกค้าเดิมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอ โดยการผลิตและจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท เพื่อลดการพึ่งพิงสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าไปยังหลากหลายพื้นที่ และมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิต ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า

“ตามแผนธุรกิจ และกลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัท เป็นกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่มีกำไรขั้นต้น 157.68 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.32% จากรายได้จากการขายและบริการ โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2.93% เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น การดำเนินกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ความแม่นยำที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการผลิตที่ให้กำไรสูงขึ้น ควบคู่กับกลยุทธ์การลดต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และคัดเลือกลูกค้าและสินค้าที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง” นายวิรัตน์ กล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SMT ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/66 เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ Gross profit margin มีโอกาสลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการผลิตสินค้ามีวัตถุดิบประเภท Turnkey มากขึ้น โดยประเมินกำไรปี 66 ที่ 312 ล้านบาท โต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 67 ที่ 347 ล้านบาท โต 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านราคาหุ้นซื้อขาย PER23F 15 เท่า และจ่ายปันผลราว 2% ต่อปี นอกจากนี้มีปัจจัยบวกรายงานตัวเลขอุปกรณ์สื่อสาร (รวม smartphone) ของจีน เดือน ก.ค.66 เติบโต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนยังคงดี และเป็นการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง และสุดแตะระดับ 35.5 บาท/เหรีญสหรัฐแล้ว

Back to top button