SAMART บวก 3% ส่งซิกครึ่งหลังสดใส-ลุ้นประมูลงานใหม่ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ล่าสุด ณ เวลา 10.52 น. อยู่ที่ระดับ 5.95 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.48% สูงสุดที่ระดับ 5.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 11.64 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการ SAMART กล่าวว่า ครึ่งปีหลังของปีนี้น่าจะได้เห็นงานโครงการใหญ่จากทางภาครัฐมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 ก็มีงานประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งมองว่าเมื่อหลังรัฐบาลจัดตั้งเรียบร้อยก็น่าจะเห็นการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานปีนี้น่าจะมีรายได้เติบโต 30% จากปีก่อน โดยปีนี้จะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนเกือบทุกกลุ่มธุรกิจของ SAMART ซึ่งจะเริ่มเห็นจากตัวเลขผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/2566 นี้ ส่วนธุรกิจของบริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC ต้องใช้เวลาพอสมควร คาดว่าในปีหน้าจะมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนเช่นกัน

ด้านนายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดการจราจรทางอากาศเพียงรายเดียวในน่านฟ้ากัมพูชา ประกอบธุรกิจภายใต้สัญญาสัมปทานระยะยาว มีอายุสัมปทานอีกกว่า 28 ปี ภายใต้ราคาและต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่ชัดเจน โดย SAV มีโอกาสการเติบโตสูงจากการอยู่ในศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่สูง

โดยบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO พร้อมแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 8 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGS-CIMB , บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOLSEC, บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ KINGSFORD , บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST, บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด หรือ TRINITY และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS

“บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงรองรับโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ซึ่ง SAV มีจุดแข็งด้านศักยภาพธุรกิจแกร่ง ไร้คู่แข่ง เป็นผู้ให้บริการวิทยุการบินแห่งเดียวในกัมพูชา พร้อมเติบโตรับอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวที่จะกลับมาเติบโตสูง” นายธีระชัย กล่าว

ขณะที่นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา บล. เอเชีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท SAV เปิดเผยว่า SAV เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกหรือ IPO โดยการเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 166,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.94% ของหุ้นสามัญทั้งหมดซึ่งมีจำนวน 640,000,000 หุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขาย 19 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นส่วนลดประมาณ 25-30% จากราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ให้ไว้

อีกทั้ง SAV มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนการจ่ายเงินระหว่างกาลในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น หลังจากหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยหุ้น SAV มีนักลงทุนสถาบันจำนวนมากแสดงความต้องการขอจองซื้อ โดยคาดว่าจะมีการจัดสรรหุ้นไอพีโอของ SAV ให้นักลงทุนสถาบันประมาณ 50% ของจำนวนหุ้นไอพีโอทั้งหมด

โดยหุ้นสามัญที่เสนอขายจำนวน 166,000,000 หุ้น (มีมูลค่าที่ตราไว้ เท่ากับ 0.50 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.94 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 64,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวน 102,000,000 หุ้น และเตรียมเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART  ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 13-15 ก.ย. 66 และสำหรับนักลงทุนรายย่อยสามารถจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 15 และ 18-20 ก.ย. 66 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ภายในปลายเดือนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAV”

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นไอพีโอ SAV ได้ในระหว่างวันที่ 15 และ 18-20 ก.ย. 66 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนก.ย. นี้