SCGP เด้ง 3% ลุ้น Q3 กำไร 1.6 พันล้าน อานิสงส์ต้นทุนกระดาษรีไซเคิล-ราคาเชื้อเพลิงลด
SCGP เด้ง 3% ลุ้นกำไรครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง หนุนจากต้นทุนกระดาษรีไซเคิล-ราคาเชื้อเพลิงอ่อนตัวลง โบรกฯคาดยอดขายไตรมาส 3/66 โตทั้งตลาดเวียดนามและไทย ดันกำไรปกติจากธุรกิจหลักแตะ 1.6 พันล้านบาท แนะซื้อเป้า 46 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21ก.ย. 66) ราคาหุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ล่าสุด ณ เวลา 15:13 น. อยู่ที่ระดับ 40.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.21% สูงสุดที่ระดับ 40.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 471.33 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการ SCGP จะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากอานิสงส์ทางด้านต้นทุน (กระดาษรีไซเคิล (RCP), ถ่านหิน, ค่าระวางขนส่ง) ขณะที่คาดว่ากําไรในปี 2567 จะอาศัยการเติบโตของยอดขายเป็นตัวนํา ทั้งนี้จาก operating leverage ของบริษัท ยิ่งมีการใช้งานโรงงานบรรจุภัณฑ์มากขึ้น (จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น) ยิ่งทําให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีส่วนช่วยหนุนปริมาณยอดขายจากตลาดที่มีแนวโน้มสดใส เช่น เวียดนามและไทยด้วย คาดว่ากําไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 3/2566 จะอยู่ในช่วง 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 2/2566 โดยคาดว่าในไตรมาส 3/2566 บริษัทจะรับรู้ผลจากการที่ราคา RCP ลดลงมาอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาส 2/2566 ขณะที่ฝั่งของราคาขายน่าจะมีเสถียรภาพมากกว่า โดยงวดครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 66,337 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,705 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนดูเหมือนจะมุ่งเน้นสนใจไปที่สถานการณ์ของจีนเพียงอย่างเดียว แต่มองข้ามประเทศไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 42% ของรายได้ SCGP ในงวดครึ่งปีแรกไป เชื่อว่าผลการดําเนินงานที่ประคองตัวได้ดีในประเทศไทยมีแนวโน้มสดใสมากขึ้นในไตรมาส 4/2566 จากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 55.6 ในเดือน ก.ค. 2566 (จากระดับต่ำสุดที่ 40.2 ในเดือน พ.ค. 2565) และมองว่ามีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจากความชัดเจนในการตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คาดว่าความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น และอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ (เช่น digital wallet 10,000 บาท) จะส่งผลดีกับการดําเนินงานของ SCGP ในไทย
นอกจากนี้ แม้ว่าดัชนี PMI ภาคบริการจะออกมาน่าผิดหวัง หลังจากที่เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทางการจีนได้ออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมา คาดว่าจะมีออกมาอีกหลายชุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่น ทั้งนี้นักลงทุนจัด SCGP เป็นหุ้นธีมจีน เนื่องจากมีความอ่อนไหวอย่างมากกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนทั้ง PMI, ยอดค้าปลีก และ GDP อย่างไรก็ตาม ยอดขายโดยตรงไปที่ประเทศจีนคิดเป็นเพียง 7% ของยอดขายและการส่งออกทางอ้อมจากโรงงานในเวียดนามและอินโดนีเซียเท่านั้น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน SCGP พยายามที่จะเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นและลดกระดาษบรรจุภัณฑ์ลง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ และอ่อนไหวมากขึ้นเหมือนกับสินค้าโภคภัณฑ์ จึงยังคงคําแนะนํา “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 46 บาท
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 1.47 แสนล้านบาท ขณะที่สถานการณ์ต้นทุนของธุรกิจโดยรวมมีการปรับตัวดีขึ้น เช่น ค่าขนส่งที่ลดลงต่อเนื่องจากอุปทานของตู้และเรือบรรจุสินค้าที่เพิ่มขึ้น และราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการที่ยังชะลอตัวในหลายภูมิภาค
โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ความต้องการบรรจุภัณฑ์มีแรงผลักดันในเชิงบวก ท่ามกลางการเตรียมพร้อมสำหรับการบริโภคและเทศกาลส่งท้ายปี ขณะเดียวกันคาดว่าการบริโภคภายในประเทศยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่มเป็นสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงต้นทุนพลังงานจะยังดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้