WAVE บวก 6% แย้มครึ่งหลังแจ่ม! ส่ง ‘เวฟ บีซีจี’ ผนึกพันธมิตรซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต
WAVE บวก 6% แย้มครึ่งปีหลังแจ่ม! ส่ง ‘เวฟ บีซีจี’ ผนึก "เอสโคโพลิ" ลุยซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต ผ่านแพลตฟอร์ม FTIX มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27 ก.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE ณ เวลา 15:17 น. อยู่ที่ระดับ 0.18 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 5.88% ราคาสูงสุด 0.01 บาท ราคาต่ำสุด 0.17 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.09 ล้านบาท
ด้านนายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WAVE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตจากไตรมาส 2/2566 ที่มีรายได้รวม 109.80 ล้านบาท ขณะที่กำไรยังคงต้องติดตาม แต่เชื่อว่าน่าจะดีกว่าไตรมาส 2/2566 ที่มีขาดทุนสุทธิ 4.46 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2566 จะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของ Wallstreet English ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 15 สาขา โดยบริษัทได้ลงทุนเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมถึงการขยายธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์ตามที่บริษัทได้ลงนามในสัญญากับ Sub-Franchisee 2 ราย เพื่อร่วมมือทำแฟรนไชส์ในพื้นที่ ชลบุรี ประเทศไทย และในเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยได้เปิดสาขาไปแล้วในเดือน กันยายน 2566 และคาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาส 4/2566
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2566 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในเรื่องของการบังคับใช้ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ในแต่ละประเทศมากขึ้น ประกอบกับความชัดเจนทางการเมือง ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (เป็นบริษัทย่อยของ WAVE) ที่ดำเนินธุรกิจ Carbon Credit ครบวงจร ให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย Carbon Credits การหาและบริหาร Climate Project สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท สนับสนุนการขึ้นทะเบียน Carbon Credits การตรวจสอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท การจัดหา Carbon Credit ให้องค์กรในไทยและ SEA เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจ S-curve ของบริษัท
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 จะดีกว่าปี 2565 ที่มีรายได้รวม 300.83 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 65.81 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 217.18 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 15.89 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจะมาจากกลุ่มธุรกิจสถาบันการศึกษา หรือ Wallstreet English เป็นหลัก ซึ่งมีการขยายต่อเนื่อง ประกอบกับการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริม
ขณะที่ล่าสุดบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด หรือ WAVE BCG ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับบริษัท เอสโคโพลิส จำกัด เพื่อร่วมกันเป็นพันธมิตรและสนับสนุนการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ผ่านแพลตฟอร์ม FTIX ที่มีซื้อขายแบบเรียลไทม์ โดยมีระบบรองรับธุรกรรมการซื้อขายภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) และระบบเชื่อมต่อกับทะเบียนคาร์บอนเครดิตมาตรฐาน T-VER อย่างสมบูรณ์ ทำให้การถ่ายโอนและขอชดเชยเป็นไปได้อย่างราบรื่น สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศไทยเข้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านกลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) เพื่อการลดก๊าซเรือนกระจก และมุ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างมั่นคงและยั่งยืน