AOT บวก 2% เปิด SAT-1 วันแรกคึก! เครื่องบินเข้า 11 เที่ยว จับตาดันกำไรพุ่ง
AOT บวก 2% หลังเปิดอาคาร SAT-1 วานนี้วันแรกคึก! ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์-เวียตเจ็ต บินเข้า 11 เที่ยว รับฟรีวีซ่า-วันชาติจีน ผู้โดยสารกว่า 2,836 คน ประเมิน 1 เดือนแรกทะลุ 1.42 แสนคน จับตาดันกำไรปีนี้แตะหมื่นล้าน ปี 67 โตก้าวกระโดด 166% โบรกแนะซื้อเป้า 85.25 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(29 ก.ย.66) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 70.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 1.81% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 611.54 ล้านบาท
ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ AOT เปิดเผยว่า วานนี้ (28 ก.ย. 2566) เป็นวันแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดบริการแบบ Soft opening อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งภาพรวมการให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และสายการบินไทยเวียตเจ็ต ให้บริการรวมทั้งสิ้น 11 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารรวมประมาณ 2,836 คน
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนแรกของการเปิดให้บริการ SAT-1 (ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 28 ตุลาคม 2566) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดการณ์จำนวนเที่ยวบินขาเข้าและขาออกของทั้ง 2 สายการบิน รวม 514 เที่ยวบิน เฉลี่ย 16 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารรวม 142,761 คน เฉลี่ยประมาณ 4,605 คนต่อวัน
สำหรับสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ให้บริการเส้นทางไป-กลับประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว, โอซากา, ซัปโปโร) ประเทศเกาหลีใต้ (กรุงโซล) และประเทศจีน (นครเซี่ยงไฮ้) ส่วนสายการบินไทยเวียตเจ็ท ให้บริการเส้นทางไป-กลับประเทศสิงคโปร์ เส้นทางไปประเทศเวียดนาม (นครโฮจิมินห์) และเส้นทางกลับจากไต้หวัน (ไทเป) และในระยะต่อไปจะมีสายการบินอื่น ๆ ให้บริการ ณ อาคาร SAT-1 เพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีหลายสายการบินแจ้งความประสงค์ที่จะทำการบินที่ SAT-1 แล้ว
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า อาคาร SAT-1 ให้บริการเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยมีความพร้อมให้บริการผู้โดยสารใกล้เคียงกับอาคารผู้โดยสารหลัก ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านอาหาร ห้องรับรองผู้โดยสารที่รอขึ้นเครื่อง (เลานจ์) และร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) เช่น สินค้าประเภทน้ำหอม เครื่องสำอาง ของที่ระลึก ของใช้ส่วนตัว เป็นต้น แต่ร้านค้าแบรนด์เนมยังคงให้บริการเฉพาะในอาคารผู้โดยสารหลัก ทั้งนี้ผู้โดยสารขาออกควรเผื่อเวลาเล็กน้อยในการเดินทางไปยังอาคาร SAT-1 ซึ่งใช้การโดยสารด้วยระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ต่อด้วยการเดินไปยังประตูทางออกขึ้นเครื่อง
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า การเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างไม่เป็นทางการ (Soft Opening) ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 17 ปี โดยระหว่างนี้ทดสอบระบบและประเมินก่อนเปิดให้บริการเป็นทางการ หรือ Full Service ที่คาดว่าจะเปิดช่วงกลางเดือน พ.ย. 2566
สำหรับอาคาร SAT-1 สามารถรองรับผู้โดยสารอีก 15 ล้านคน/ปี เป็น 60 ล้านคน/ปี โดยปัจจุบันมีประมาณ 10 สายการบินที่จะเข้าใช้บริการอาคาร SAT-1 ได้แก่ สายการบินเอทิฮัด สายการบินอิหร่าน สายการบินอิมิเรตส์ สายการบินกาตาร์ สายการบินออลนิปปอน ส่วนสายการบินไทย และอีก 4-5 สายการบินกำลังเจรจากันอยู่ ทั้งนี้จุดเด่นของ SAT-1 มีพื้นที่กว้างใหญ่ รองรับเลานจ์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง และสามารถรองรับเครื่องบินลำใหญ่ อย่างแอร์บัสเอ 380 และมีหลุมจอด 28 หลุม ทำให้หลายสายการบินสนใจ
ทั้งนี้ AOT กำลังพิจารณาให้ส่วนลดกับสายการบินที่จะมาเช่าพื้นที่ในอาคาร SAT-1 ที่ตั้งออฟฟิศ, การใช้สะพานเทียบเครื่องบิน ค่าจอดเครื่องบินด้วย
ในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ อย่างดิวตี้ฟรี ที่คิง เพาเวอร์ได้สัมปทาน ก็ได้เปิดใน SAT1 ด้วย โดยในงวดปี 2566 AOT ยังมีรายได้จากการให้สัมปทานกับคิง เพาเวอร์ที่กลับมาใช้สัญญาปกติ เริ่ม 1 เม.ย. 2566 จากที่สิ้นสุดให้ความช่วยเหลือเมื่อสิ้นเดือน มี.ค. 2566 โดยนอกจากส่วนแบ่งรายได้ ก็จะมีเพิ่มในส่วนรายได้ขั้นต่ำ (Minimum guarantee) ต่อคน
นายกีรติ กล่าวว่า ขณะนี้อาคาร SAT-1 มีระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ (ICS : Individual Carrier System) เฉพาะขาออก ส่วนระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระขาเข้า อยู่ระหว่างออกแบบและจัดทำทีโออาร์ งบประมาณก่อสร้าง 3,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะตั้งงบประมาณปี 2567 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยปัจจุบันจะใช้ รถลำเลียงกระเป๋าขาเข้าซึ่งไม่พบปัญหาอุปสรรคในการให้บริการ
บริษัทยังเดินหน้าดำเนินการส่วนต่อขยายด้านตะวันออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 8-9 พันล้านบาท ที่จะเสนอครม.เพื่อรับทราบ ซึ่งก่อนหน้านี้ครม.ได้อนุมัติวงเงินลงทุนไว้แล้ว และคาดว่าต้นปี 2567 จะเปิดประมูลได้ โดยอยู่ระหว่างให้ที่ปรึกษาปรับแบบตามความต้องการใช้งาน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด มอง Positive ต่อการให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 ช่วยเพิ่มกำลังการให้บริการ สร้างความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร และคาดกำไรปี 2567 (ต.ค. 2566-ก.ย. 2567) จะเติบโตก้าวกระโดดเพิ่มขึ้น 166% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสาร
ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 4/66 (ก.ค.-ก.ย.66) ที่ 4-5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสาร และมองกรอบนักท่องเที่ยว 28-30 ล้านคน เป็นไปได้
โดยมองผลประกอบการปี 66 จะกลับมากำไร 10,054 ล้านบาท(จากปี 65 ขาดทุน 1.1 หมื่นล้านบาท) และกลับไปเท่า Pre-COVID ในปี 67 คาด 2.7 หมื่นล้านบาท และภาพระยะกลางยาว แนวคิดขยายสนามบินเชียงใหม่, ภูเก็ต + ฟรีวีซ่า จีน จะช่วยเร่งโมเมนตัมของรายได้เพิ่มขึ้น
ด้านราคาปัจจุบันซื้อขาย PER2024F ราว 36 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อน COVID ระดับ 40-45 เท่า และปัจจัยบวกบวกนักท่องเที่ยวจีนช่วง Golden Week ชัดเจน หลังสื่อ บริษัททัวร์ เจ้าหน้าที่ดูแลเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และ Platform ท่องเที่ยวจีนเปิดเผยว่ายอดจองชาวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มสูงชัดเจน หลังรัฐบาลเริ่มมาตรการฟรี วีซ่าจีน 25 ก.ย. ที่ผ่านมา แนะนำราคาเป้าหมาย 85.25 บาท