ZAA ดีดบวก 5% รับลุยธุรกิจ “บันเทิงแนวใหม่” เต็มสูบ ลั่นปีหน้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10%
ZAA ดีดบวก 5% รับแผนบุกธุรกิจ "บันเทิงแนวใหม่" เต็มสูบ ลั่นปีหน้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% ลุยจัดอีเวนต์ 3-4 งาน และผลิตหนัง 2-3 เรื่อง พร้อมปักหมุด 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำเอนเทอร์เทนเมนต์แนวใหม่ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ต.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) หรือ ZAA ณ เวลา 11:07 น. อยู่ที่ระดับ 1.47 บาท บวก 0.07 บาท หรือ 5.00% สูงสุดที่ระดับ 1.51 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.41 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.90 ล้านบาท
โดยนายขันเงิน เนื้อนวล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) หรือ ZAA (ชื่อเดิม บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนยุทธศาสตร์ภายหลังการรีแบรนดิ้งให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของกลุ่ม ZAA ซึ่งการรีแบรนดิ้งจะทำให้ทุกคนที่มองเข้ามาจะเห็น ZAA เป็นองค์กรเอนเทอร์เทนเมนต์ครบวงจร จากเดิมที่มอง MPIC เป็นองค์กรภาพยนตร์อย่างเดียว
โดยการขับเคลื่อนธุรกิจของ ZAA มีเป้าหมายที่จะยกระดับสู่การเป็นเอนเทอร์เทนเมนต์แนวใหม่ครบวงจร ที่มีพันธมิตรด้านเอนเทอร์เทนเมนต์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสนำไปสู่การลงทุนและทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก วางเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้านับจากนี้ ZAA จะต้องเป็นผู้นำด้านเอนเทอร์เทนเมนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ZAA มีธงที่ชัดเจนในการยกระดับธุรกิจไปสู่ธุรกิจเอนเทอร์เทนเมนต์แนวใหม่ แนวสร้างสรรค์ เพราะถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง และมีแนวโน้มเติบโตสูง ส่วนในปี 2567 จะเห็นภาพการรุกสู่ธุรกิจแนวใหม่ที่ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงอย่างชัดเจน มีโปรเจกต์ใหม่ ๆ ทั้งการจัดงาน Event ต่าง ๆ การจัดคอนเสิร์ตที่มีศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกมิติ” นายขันเงิน กล่าว
ขณะที่ ธุรกิจเดิมของกลุ่ม ZAA คือ ธุรกิจผลิตภาพยนตร์จะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยปลายปี 2566 มีแผนที่จะเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่อีก 1 เรื่อง งบลงทุน 30 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และช่วยขับเคลื่อนรายได้ในไตรมาส 4/2566 อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะนำธุรกิจใหม่ ๆ เข้าไปเชื่อมโยงต่อยอดกับธุรกิจเดิม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม
ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม ZAA ในครั้งนี้จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายปี 2567 จะมีรายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งรายได้จะมาทั้งจาก 2 ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่ เช่น การจัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต ตลอดจนการให้การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่จะเริ่มในปี 2567 เป็นต้นไป
“ธุรกิจอีเวนต์จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่เข้ามาส่งเสริมในการผลักดัน Soft Power ของประเทศไทย และจะยิ่งทำให้เป็นโอกาสของ ZAA ในการขยับธุรกิจเข้าสู่เวทีโลก และช่วยสร้างฐานรายได้เพิ่มมากขึ้น” นายขันเงิน กล่าว
ด้านนายทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ZAA กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของ ZAA นอกเหนือจากจะขับเคลื่อนด้วยตัวเองแล้ว ยังมีพันธมิตรจากหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนด้วย ทั้งในด้านภาพยนตร์ที่มีคอนเทนต์ตอบโจทย์ระดับสากล ด้านอีเวนต์และเฟสติวัล และด้านดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนผลงานในแต่ละโปรเจกต์เข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้การร่วมมือกันกับพันธมิตร จะเป็นการทำงานร่วมกันในระยะยาวแบบโปรเจกต์ต่อโปรเจกต์
ส่วนนายจิรัชย์ วงษ์ตระหง่าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZAA กล่าวว่า ในปี 2567 ผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากมีธุรกิจใหม่คือการจัดอีเวนต์ เข้ามาเสริมธุรกิจหลัก ถือเป็นอีกธุรกิจที่มีรายได้ดี และมีรอบรับรู้รายได้ที่เร็ว 3-4 เดือน ซึ่งมากกว่าภาพยนตร์ที่มีรอบรับรู้รายได้ 1-3 ปี และยังมีความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 50%
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้ใกล้เคียงปี 2565 ที่มีรายได้รวม 292.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.97 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีเพียงรายได้จากการฉายภาพยนตร์ และการผลิตภาพยนตร์ ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวม 61.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.09 ล้านบาท
ส่วนในไตรมาส 4/2566 ยังเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่อีก 1 เรื่อง คาดว่าจะสร้างรายได้จากการฉายได้ดี และงาน Southside Festival เทศกาลดนตรีฮิปฮอป ครั้งแรกบนเกาะภูเก็ต กลางสวนน้ำ “อันดามันดา ภูเก็ต” ที่ใหญ่ที่สุดใน จ.ภูเก็ต บัตรราคาเริ่มต้น 2,000-5,000 บาท ในวันที่ 18 พ.ย. 2566 ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติม ทั้งการขายบัตรและสปอนเซอร์
นอกจากนี้ ในแต่ละปี ZAA มีแผนในการจัดงานอีเวนต์ 3-4 งานต่อปี งบลงทุน 10 ล้านบาทต่องาน ซึ่งด้วยประสบการณ์ของนายขันเงิน เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจในส่วนของอีเวนต์ออกมาดี และยังมีจุดแข็งของพันธมิตรเข้ามาร่วมด้วย ส่วนภาพยนตร์ใหม่จะมี 2-3 เรื่องต่อปี งบลงทุน 60-70 ล้านบาท ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าในเรื่องธุรกิจภาพยนตร์และอีเวนต์จะแจ้งให้ทราบต่อไป