เครือปตท. ร่วง! เซ่นน้ำมันดิบ WTI ปิดทรุด 2%

หุ้นเครือปตท. ร่วงยกแผง! เซ่นภาวะตลาดน้ำมัน WTI ปิดทรุด 2% ปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน รวมถึงปัจจัยลบว่าตุรกีเตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรักในสัปดาห์นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค. 66) ณ เวลา 10:50 น. ราคาหุ้นเครือปตท. ปรับตัวลงยกแพง นำโดย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 164.50 บาท ลบไป 5.50 บาท หรือ 3.24% สูงสุดที่ระดับ 167.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 163.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 พันล้านบาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 32.50 บาท ลบไป 1.00 บาท หรือ 2.99% สูงสุดที่ระดับ 33.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146 พันล้านบาท

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC  ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 43.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือ 2.81% สูงสุดที่ระดับ 44.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 43.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.39 พันล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 48.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือ 2.51% สูงสุดที่ระดับ 49.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 48.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 277.98 พันล้านบาท

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 32.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือ 2.26% สูงสุดที่ระดับ 33.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.11 พันล้านบาท

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 18.00 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือ 2.70% สูงสุดที่ระดับ 18.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 269.35 พันล้านบาท

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.00 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือ 0.99% สูงสุดที่ระดับ 2.02บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.99 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.86 พันล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้นเครือปตท. ปรับตัวลงไปในทิศทางน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (2 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และแรงขายทำกำไร นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

สำหรับสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 88.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2566

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 90.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 2566

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนก.ย. และทะยานขึ้น 27.3% ในไตรมาส 3 ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนก.ย. และพุ่งขึ้น 28.5% ในไตรมาส 3

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานข่าวที่ว่า ตุรกีเตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรักในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ถูกปิดเป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่ Rapidan Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 90 ดอลลาร์/บาร์เรล

คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมในวันพุธนี้ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่าที่ประชุมจะมีมติคงนโยบายการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 67

Back to top button