ชาวเน็ตขุดหลักฐาน “มือปืนวัย 14 ปี” ตั้งใจเลือก “สยามพารากอน” ก่อเหตุกราดยิง

สังคมตั้งคำถามคนก่อเหตุป่วยจิตเวชหรือวางแผนมาแล้ว ก่อนกราดยิงกลางพารากอน คุ้ยประวัติเคยซ้อมยิงปืน ตำรวจค้นบ้านพบกระสุนปืนเพียบ เจอแชตคุยกับเพื่อนส่งภาพบรรจุแม๊กกาซีนปืน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เยาวชนชายอายุ 14 ปี  ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้า “สยามพารากอน” จนมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวเมียนมา ซึ่งเป็นพนักงานของร้านภายในห้าง ซึ่งในระหว่างการจับกุมมีการปรากฎภาพในช่วงที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว พบอาการวิตกกังวล และดูเหมือนจะมีปัญหาด้านสุขภาพจิต

แต่จากข้อมูลที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการตั้งคำถามของว่าผู้ก่อเหตุรายนี้ มีอาการป่วยจริงหรือไม่ในตอนก่อเหตุหรือไม่ และอาจตั้งใจเลือกห้างสรรพสินค้า “สยามพารากอน” เป็นเป้าในการก่อเหตุ รวมถึงความชำนาญในการใช้อาวุธปืน

โดยมีชาวเน็ตจีนรายหนึ่งที่ใช้แอป weibo ชื่อ derickmooo ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า “ที่แท้มือปืนก็อยู่ข้างๆ ตัวฉันนี่เอง” และบอกด้วยว่า “เมื่อเห็นหน้ามือปืนแล้ว ทำให้หวนนึกถึงคนที่ฉันเจอที่สนามซ้อมยิงปืน วันนั้นเขาลั่นกระสุนปืนออกไปไม่ต่ำกว่าร้อยนัด ไม่คิดเลยว่านักเล่นปืนคนนี้อายุแค่ 14 ปี คิดๆ แล้วฉันโชคดีจริงๆ”

นอกจากนี้ เมื่อตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุยังพบ คลิปขณะกำลังซ้อมยิงปืน แล้วการเปลี่ยนแม็กกาซีนเมื่อยิงหมดแล้ว ซึ่งถือว่ามีความรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนในระดับหนึ่ง ทั้งเรื่องของการใช้งาน และความแม่นยำในการยิง

ขณะเดียวกัน  ยังมีภาพที่ผู้ก่อเหตุแชทคุยกับเพื่อน พร้อมส่งรูปแม็กกาซีนที่มีกระสุนปืนไปให้เพื่อนก่อนที่จะมาก่อเหตุ  ส่วนเพื่อนก็แชทถามว่า “เบียวไร” ซึ่งศัพท์ของกลุ่มวัยรุ่นที่มาจากภาษาญี่ปุ่นในเชิงตั้งคำถามกับผู้ก่อเหตุว่า อินอะไรมากไปหรือไม่ โดยในแชทดังกล่าวยังมีภาพเกมในรูปแบบการต่อสู้ใช้อาวุธปืนยิงฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าเกมดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้ผู้ก่อเหตุชื่นชอบอาวุธปืน

สอดคล้องกับการตรวจค้นบ้านพักของผู้ปกครองย่านบางแค ของตำรวจนครบาล ยังพบ “แบลงค์กัน” (Blank Guns) หรือ สิ่งเทียมอาวุธปืนที่ทำอันตรายถึงชีวิตได้หากมีการดักแปลง รวมถึงกระสุนปืนจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า เยาวชนรายนี้จะเป็นคนหาซื้อมาครอบครอง

นอกจากนี้ โลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลการสนทนาของผู้ก่อเหตุ ที่ใช้ปืนยิงในห้างสยามพารากอน โดยผู้ก่อเหตุใช้นามแฝงว่า “hunterz” ทักหาเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม โดยสอบถามว่า “You guys know Siam paragon” และเพื่อนบางคนตอบกลับ ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดตามมาอีกด้วย ซึ่งข้อความลักษณะคล้ายเป็นการบอกกล่าวพิกัดที่จะไปก่อเหตุอีกด้วย

ส่วนเรื่องการแต่งกายในวันที่ก่อเหตุนั้น พบว่ามีการสวมกางเกงลายพราง รองเท้าบูตสีดำ สวมถุงมือ สวมหมวกรูปธงชาติสหรัฐอเมริกา ใส่เสื้อแขนสั้นสีดำ ไว้ผมยาว และมีรูปร่างสันทัด ซึ่งพบว่ามีแต่งตัวและใช้อาวุธปืนลักษณะคล้ายคลึงกับนายดีแลน คลีโบล มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพฤติกรรมที่เลียนแบบหรือไม่ อย่างไร

อีกทั้งยังมีรายงานว่า ตอนถูกจับกุมนั้นชุดตำรวจจับกุมที่เข้าไปนั้น เป็นชุดแรกให้ช้อมูลว่า เยาวชนรายดังกล่าวได้ใช้สายโทรศัพท์ พูดคุยอยู่กับตำรวจ 191 เพื่อเจรจาให้วางอาวุธ แต่ตอนนั้นผู้ก่อเหตุพูดว่า ไม่ได้แล้วคนถือปืนอยู่เยอะมาก ถ้าเขาไม่สู้เขาต้องตาย ดังนั้นเขาจะสู้  จนทำให้ตำรวจชุดจับกุมนั้นประเมินสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง และแสดงออกให้คนร้ายเห็นว่าถ้าสู้จะไม่มีวันชนะ จนสุดท้ายคนร้ายได้มีการครุ่นคิดและปล่อยอาวุธทิ้ง ทำให้ตำรวจจับกุมตัวไว้ได้

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดวันนี้ (4 ต.ค.) ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้คุมตัวเยาวชนผู้ก่อเหตุ ออกจาก สน. ขึ้นรถเพื่อนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ทำการไต่สวนการจับกุมและดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยมีเจ้าหน้าที่ทีมเยียวยาจิตใจ MCATT ของกรมสุขภาพจิต ร่วมส่งเด็กไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลางด้วย

โดย พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำตัวเยาวชนชาย วัย 14 ปี ไปส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้ศาลไต่สวนการจับกุม และเข้าสู่กระบวนการรักษา ก่อนที่จะทำการสอบปากคำ และยื่นผลัดร้องการฝากขัง พร้อมแนบความเห็นจิตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ไปในใบคำร้องฝากขังว่า ควรนำตัวเยาวชน อายุ 14 ปี ไปสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อทำการตรวจ และบำบัดรักษา ซึ่งจะให้จิตแพทย์ประเมินอีกว่า “เด็กสามารถสู้คดีได้หรือไม่” และถ้าหากเด็กสามารถสู้คดีได้ ก็จะเอาเข้าสำนวนการสอบสวน

ส่วนรายละเอียดการพูดคุยกับพ่อและแม่ของเด็ก เป็นรายละเอียดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากหลักฐานถึงผู้ปกครองแล้วพบว่า มีส่วนในการกระทำความผิด ก็จะกล่าวหาดำเนินคดีต่อไปด้วย ซึ่งมั่นใจว่า พยานหลักฐานมีเพียงพอที่จะดำเนินคดีแน่นอน

ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 5 ข้อ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจะมีข้อหาอื่นๆ หรือไม่ อยู่ในระหว่างการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม.

Back to top button