SAPPE บวกต่อ 5% ลุ้นกำไร Q3 นิวไฮรับยอดส่งออกพุ่ง โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 117 บาท
SAPPE บวกต่อ 5% ลุ้นกำไรไตรมาส 3/66 โตต่อเนื่องแตะ 321 ล้านบาท หลังขยายฐานลูกค้าส่งออกเป็นหลักทั้งทวีปเอเชียและยุโรปเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบลดลง และบริหารจัดการได้ดี ฟากโบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 117 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ต.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ล่าสุด ณ เวลา 16:30 น. อยู่ที่ระดับ 88.75 บาท บวก 4.50 บาท หรือ 5.34% สูงสุดที่ระดับ 89.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 83.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190.16 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์กำไรจากธุรกิจหลักของ SAPPE จะอยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหมายความว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/66 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับที่แผ่วลงจากไตรมาสก่อนหน้าก็ตาม
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการที่ดีขึ้นเล็กน้อย จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นเพราะรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งจากตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก โดยยังคงคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 119.40 บาท
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด หรือ TISCO ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 117.00 บาท จากการคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 เติบโตแรงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นและการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และคาดแนวโน้มไตรมาส 4/66 จะมียอดส่งออกอ่อนตัวจากช่วง low season โดยยังคงประมาณการเดิม ซึ่งคาดแนวโน้มกำไรสุทธิยังเติบโตได้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 39% จากการขยายตลาดส่งออกเป็นหลัก
สำหรับการคาดการณ์ SAPPE จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 321 ล้านบาท ( เพิ่ม 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือ เพิ่ม 3% จากไตรมาสก่อนหน้า) โดยในไตรมาสนี้คาดรับรู้การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 16 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายจากที่เพิ่มขึ้นจากการทำตลาดสินค้าโมกุโมกุในกลุ่มยุโรป สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งคาดรายได้รวมเติบโตแรง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการขยายฐานลูกค้าส่งออกทั้งทวีปเอเชียและยุโรปเพิ่มขึ้น แต่รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ที่ 5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยจากฐานการส่งออกสูงและเป็นช่วงเข้าสู่ low season โดยอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลงโดยเฉพาะ packaging ในส่วน pet rasin ในการผลิตขวดคาดกำลังการผลิตอยู่ที่ 78% ใกล้เคียง กับไตรมาสก่อนหน้า จากการหยุดพักเครื่องจักรโรงงานประจาปี 4-5 วัน
ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/66 คาดอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลและช่วงวันหยุดยาว และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1,146 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 67 ที่ 1,399 ล้านบาท จากคาดการส่งออกปีนี้เติบโตแรง กว่า 98 ประเทศทั่วโลก พร้อมขยายตลาดใน ModernTrade และ Traditional trade รวมถึงออนไลน์ โดยเฉพาะทวีปยุโรปมากขึ้น สำหรับในประเทศคาดเติบโต 15% และ 10% ตามลำดับ จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ และอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากต้นทุน packaging ที่ปรับตัวลดลง ยกเว้นน้ำตาลที่ปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดโลก และได้รับกระทบเล็กน้อยจากสัดส่วนต้นทุนน้ำตาล 5% ของต้นทุนรวม โดยคาดราคาน้ำตาลที่ +/- ทุก ๆ 10% กระทบต่อกำไรสุทธิ +/- 1.2%