“กลุ่มเจมาร์ท” วิ่งคึก! JMART-SINGER นำทีมพุ่ง ลุ้นไตรมาส 3 พลิกกำไร
“กลุ่มเจมาร์ท” วิ่งคึก! JMART-SINGER นำทีมพุ่ง ลุ้นไตรมาส 3 พลิกมีกำไร หลังพ้นจุดต่ำสุด-เคลียร์ปัญหาภายใน “ซิงเกอร์ฯ” ทั้งหมดแล้ว ฟาก JMT ยังมีกำไรเติบโตมั่นคงต่อเนื่อง เล็งดัน “สุกี้ตี๋น้อย” เข้าตลาดช่วงปี 67-68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ต.ค.66) ราคาหุ้นกลุ่ม JMART ขึ้นยกแผง โดยบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ณ อยู่ที่ระดับ 23.90 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 3.46% สูงสุดที่ระดับ 24.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 419.51 ล้านบาท
ด้านบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ณ เวลา 11:36 น. อยู่ที่ระดับ 13.00 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 9.24% สูงสุดที่ระดับ 13.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225.77 ล้านบาท
บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ณ เวลา 11:39 น. อยู่ที่ระดับ 1.71 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 6.21% สูงสุดที่ระดับ 1.73 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.62 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45.71 ล้านบาท
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ณ เวลา 11:45 น. อยู่ที่ระดับ 3.06 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 2.00% สูงสุดที่ระดับ 1.73 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.08 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.07 ล้านบาท
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 11:46 น. อยู่ที่ระดับ 49.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.51% สูงสุดที่ระดับ 50.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 48.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 335.03 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทได้ผ่านพ้นช่วงที่แย่สุดไปแล้ว โดยเฉพาะปัญหาของ SINGER ได้รับการแก้ไขทั้งหมดแล้ว ทำให้ในไตรมาส 3 นี้ เชื่อมั่นว่าซิงเกอร์ฯ จะพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน หรือจะกลับเข้าสู่สภาวะที่ใกล้เคียงกับสภาวะปกติ รวมถึง SGC ด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อซิงเกอร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาได้ ทางเจมาร์ทฯ ในฐานะที่ถือหุ้นใหญ่ในซิงเกอร์ฯ จะกลับมามีกำไรได้ด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีแรงกดดันจากซิงเกอร์ฯ แล้ว
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทแห่งอื่น ๆ ในกลุ่มฯ ยังเติบโตได้อย่างมั่นคงเช่นเดิม จากธุรกิจการบริหารสินทรัพย์เอเอ็มซี คือ JMT ที่สร้างกำไรให้กับเจมาร์ทฯ คิดเป็น 53-54%, บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด และ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป หรือ สุกี้ ตี๋น้อย ที่สร้างกำไรให้กับเจมาร์ทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี แม้ทางบริษัทจะมีความมั่นใจว่าทั้งเจมาร์ทฯ และซิงเกอร์ฯ จะพลิกกลับมามีกำไรได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ แต่แนวโน้มผลประกอบการของปี 2566 ของทั้งสองบริษัทยังไม่แน่ชัดว่าจะมีกำไรหรือไม่ เนื่องจากครึ่งปีแรกมีผลประกอบการขาดทุน ทำให้ยังต้องดูตัวเลขกำไรของสองไตรมาสที่เหลือของปีนี้อีกครั้ง
ส่วนทิศทางผลประกอบการของเจมาร์ทฯ ในปี 67 นายอดิศักดิ์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า จะมีกำไร All Time High ได้อย่างแน่นอน
นายอดิศักดิ์ กล่าวถึงธุรกิจสุกี้ตี๋น้อยว่า ขณะนี้มีสาขาอยู่ประมาณ 50 สาขา และอยู่ระหว่างการเพิ่มจำนวนสาขาให้ได้ประมาณ 100 แห่งก่อน หลังจากนั้นถึงจะดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปี 2567 หรือข้ามไปปี 2568
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับทีมผู้บริหารในกลุ่มเจมาร์ทฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ส.ค.ว่า ได้มีการรับฟังเกี่ยวกับทิศทางของ JMT โดยทางผู้บริหารมั่นใจว่าเป้าหมายกำไรสุทธิในปี 66 จะเติบโตที่ระดับ 30%
โดยแนวโน้มการจัดเก็บเงินสดจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 66 จากปริมาณหนี้ที่ซื้อมาในช่วงไตรมาส 2/66 จะเริ่มทยอยจัดเก็บได้มากขึ้น ทั้งของ JMT และ JK AMC
ทั้งนี้ JMT ยังคงเป้าหมายซื้อหนี้ในปี 66 ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท โดยซื้อหนี้ไปแล้ว 4.1 พันล้านบาท ในครึ่งปีแรก และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะนำหนี้มาขายเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ทำให้ประเมินว่า JMT จะซื้อหนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
พร้อมกับคาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3 ที่ 592 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 30% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่ม 7% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น จากหนี้ที่ได้ซื้อมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 66 ขึ้นอีก 8% มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากประมาณการส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เพิ่มขึ้น 105% มาอยู่ที่ 563 ล้านบาท จากบันทึกการจัดเก็บเงินสดของบริษัทร่วมในปัจจุบันนั้นสูงกว่าที่คาดก่อนหน้า และยังคงแนะนำ “ซื้อ” JMT ราคาเป้าหมาย 46 บาทต่อหุ้น