OSP ปิดร่วง 2% หลังเลิกกิจการโรงแก้ว “สมุทรปราการ” 1 ธ.ค.นี้ เสี่ยงกระทบยอดขาย
OSP ปิดร่วง 2% หลังเตรียมประกาศปิดโรงงานผลิตขวดแก้ว จ.สมุทรปราการ วันที่ 1 ธ.ค.66 โบรกมองหวั่นกระทบยอดขาย-รายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ต.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 24.10 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 1.63% สูงสุดที่ระดับ 24.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 251.60 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลง โดยสาเหตุหลักมีข่าวเกี่ยวกับ บริษัท สยามกลาส อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ OSP มีแผนที่จะหยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตขวดแก้วที่จังหวัดสมุทรปราการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66 เป็นต้นไป โดยจะคงเหลือไว้เฉพาะส่วนของการบริหารจัดการคลังสินค้าที่จังหวัดสมุทรปราการ ด้านการบริหารจัดการเรื่องบุคลากรจากการหยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตขวดแก้วที่จังหวัดสมุทรปราการที่ได้รับผลกระทบ สยามกลาสอินดัสทรี ได้มีการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบโดยเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การหยุดประกอบกิจการโรงงานที่จังหวัดสมุทรปราการครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่าการหยุดประกอบกิจการโรงงานการผลิตขวดแก้วที่จังหวัดสมุทรปราการของ สยามกลาสอินตัสทรี จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากโรงงานผลิตขวดแก้วของบริษัทฯ และบริษัทในเครือที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังดำเนินการผลิตอยู่ตามปกติ และสามารถรองรับความต้องการขวดแก้วเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์และการเจริญเติบโตตามแผนของบริษัทฯ ได้
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ประเมิน OSP ประกาศปิดโรงแก้วจังหวัดสมุทรปราการ 1 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66 โดยจะเหลือเฉพาะส่วนของคลังสินค้าเดิมไว้ ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯ ชี้แจงว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจาก OSP มีการเพิ่มประสิทธิภาพโรงแก้วแห่งอื่นเพื่อรองรับการผลิตไว้แล้ว
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าบริษัทฯ น่าจะต้องมีการรับรู้ค่าใช้จ่าย one time ชดเชยพนักงาน-ค่าใช้จ่ายด้านสินทรัพย์อื่นๆ ในงวดไตรมาส 4/66 ภาพรวมทำให้กำไรตลาดระยะสั้นอาจมี downside เพิ่มขึ้น ปัจจุบันฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับบริษัทฯ
อีกทั้ง แม้คาดการณ์ราคาหุ้นระยะสั้นน่าจะยังมี sentiment เชิงลบจากประเด็นดังกล่าว (แต่เป็นรายการครั้งเดียว) รวมทั้งรายได้ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดเข้ามากดดันอยู่ แต่จากราคาที่ปรับฐานลงมากแล้ว ฝ่ายวิจัยประเมินเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำ “ซื้อ” OSP ราคาเป้าหมายที่ 33.00 บาท