GFC บวก 5% หลังโชว์รายได้ ก.ย. “ออลไทม์ไฮ” 32 ล้าน หนุนไตรมาส 3 โตเด่น
GFC วิ่ง 5% หลังโชว์เดือน ก.ย. 66 ทุบสถิติออลไทม์ไฮกวาดรายได้ 32 ล้านบาท หลังกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น หนุนไตรมาส 3/66 สวย ดันรายได้ 3 ไตรมาสแรกปีนี้โต 30% จากปีก่อน ลุ้นผลงานปีนี้ทำนิวไฮ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ต.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ณ เวลา 10:33 น. อยู่ที่ระดับ 10.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.85% สูงสุดที่ระดับ 10.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.83 ล้านบาท
ด้าน นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GFC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา, การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI, การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI, การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS และการให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจากอัตราผู้เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในเดือน ก.ย. 66 ที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการเพื่อเข้ารับการรักษาแตะระดับ 32 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้รายได้ออลไทม์ไฮ เนื่องจากบริษัทได้มีการวางแผนเพื่อปรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเพิ่มศักยภาพให้สามารถตอบโจทย์ในการรองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก อาทิ เพิ่มจำนวนแพทย์สำหรับรองรับคนไข้ที่เข้ารับการรักษา จัดเตรียมห้องบริการคนไข้ในช่วงเวลาเข้ามารับบริการ จัดตารางคิวเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้คนไข้ระหว่างเข้ารับบริการ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวได้ทำควบคู่การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, Line, Instagram, TikTok, Twitter และ YouTube
รวมถึงมีฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพื่อรับคําปรึกษา แนะนําดูแลลูกค้าตลอดขั้นตอนการรักษา เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่มีปัญหาภาวะการมีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ รู้จัก GFC มากขึ้น ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างการรับรู้แล้ว ยังเป็นการขยายฐานคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการเพื่อรับการรักษาเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ปัจจัยดังกล่าวสอดรับกับแนวโน้มตลาดในประเทศที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเห็นได้จากดีมานด์ของจำนวนผู้มีบุตรยากที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบกับครอบครัวคนไทยในปัจจุบันเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากมากขึ้น ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อ GFC ที่สามารถสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเข้ารับการรักษาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายกรพัส กล่าวต่อว่า จากการทุบสถิติสูงระดับออลไทม์ไฮในช่วงเดือน กันยายนที่ผ่านมา บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะหนุนให้อัตราการเติบโตของรายได้ 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2565 สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี