TRP วิ่ง 2% จับตารายได้ Q4 พีก รับไฮซีซั่น-ออกโปรดักส์ใหม่
TRP บวกเกือบ 2% ซีอีโอส่งซิกผลงานไตรมาส 3 ฟื้นรับไฮซีซั่น รวมถึงออกโปรดักส์ใหม่ หนุนลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ต.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ณ เวลา 16:10 น. อยู่ที่ระดับ 15.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.92% สูงสุดที่ระดับ 16.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103.81 ล้านบาท
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRP กล่าวว่า พอใจกับการนำหุ้นบริษัทเข้าซื้อขายใน mai เป็นวันแรกเมื่อวานนี้ โดยราคาหุ้นยืนเหนือราคาไอพีโอได้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตัวธุรกิจของบริษัท และปัจจัยสำคัญในความสำเร็จ คือ TRP เป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้ามากว่า 40 ปี โดยอาจารย์แพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งมีประสบการณ์เฉลี่ยมากกว่า 17 ปี รวมทั้งได้รับการศึกษาเพิ่มเติมในหลักสูตรศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า (Facial Plastic Surgery)
โดยให้บริการด้วยระบบทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญการเฉพาะจุด ด้วยระบบการควบคุมคุณภาพ หรือ QC (Quality Control) เพื่อรักษามาตรฐานเดียวกัน และมีนวัตกรรมการผ่าตัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะ เช่น การทำศัลยกรรมดึงหน้า (FACE-LOCK), การผ่าตัดศัลยกรรมตาสองชั้น (EYE-LOCK) และการเสริมจมูกด้วยไขมันตัวเอง (FAT STEM CELL) นับเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามบนใบหน้าในระดับ Premium
ทั้งนี้บริษัทพร้อมขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเติบโต โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 1,215.28 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายการเสนอขาย IPO) ไปก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย จำนวน 450 ล้านบาท กำหนดการแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะมีจุดคุ้มทุนประมาณ 4 ปี และอัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ประมาณ 21-28% ต่อปี, จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ 80 ล้านบาท, ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 95.44 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ การลงทุนอื่น ๆ และการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ส่วนไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยจำนวนลูกค้าที่กลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีลูกค้าที่ทำศัลยกรรมจากที่อื่นเข้ามาให้ TRP แก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมจมูกด้วยไขมันตัวเอง (FAT STEM CELL) รวมถึงการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ “ธีรพรคลินิก” ในวงกว้างได้มากขึ้น ภายหลังเข้าจดทะเบียนใน mai ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
นพ. คงศักดิ์ เตชะวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ TRP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 น่าจะเติบโตสูงกว่าไตรมาส 2/2566 ที่เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี 2566 ตามเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว และในไตรมาส 4/2566 จะเติบโตสูงสุดของปี 2566 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น (มีวันหยุดยาว) ทำให้ผู้ที่สนใจในความสวยความงามเข้ามาใช้บริการก่อนวันหยุดยาว เพื่อให้พักฟื้นได้ทันก่อนวันปกติ ทั้งนี้ นอกเหนือจากผู้ใช้บริการในประเทศจะเพิ่มขึ้นแล้ว ในส่วนของชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในช่วงนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 ประเมินว่า จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวม 854.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 270.27 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ผลการดำเนินงานค่อนข้างนิ่ง โดยมีรายได้รวม 369.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.48 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานจะมาเร่งตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 สะท้อนจากจำนวนเคสที่มีจำนวนมาก และล่าสุดเดือน ต.ค. 2566 เริ่มเปิดขาย New Product Advanced FACE–LOCK ปัจจุบันมีเคสเข้ามาใช้บริการแน่นทุกวัน
ส่วนแนวโน้มในปี 2567 มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานจะเติบโตมากกว่าปี 2566 อย่างแน่นอน เนื่องจากการให้บริการทุกภาคส่วนยังคงมีเคสเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก และจะมีการเน้นบริการงานแก้ไขมากขึ้น บวกกับบริการเพิ่มเติมใหม่ ๆ และตลาดศัลยกรรมทั้งผ่าตัด และไม่ผ่าตัดยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 5 ปีนับจากนี้ไป อีกทั้ง TRP มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจึงมีประสงค์ที่จะจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ให้กับผู้ที่ยังถือหุ้นอยู่ ณ รอบเดือน มี.ค. 2567 (ก่อน IPO ยังไม่เคยปันผล)
“ปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีท้าทายจากปัจจัยภายนอกค่อนข้างมาก เช่น เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก, การเปิดคลินิกศัลยกรรมที่มากขึ้น และการศัลยกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานที่อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียง หรือบรรยากาศของตลาดศัลยกรรมให้ซบเซา ซึ่งการที่ TRP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงนี้ถือว่ามาถูกเวลา และจะตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่กำลังต้องการมาตรฐานตัวจริงในด้านการศัลยกรรมตั้งแต่ลำคอขึ้นไป นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาการร่วมลงทุน (JV) กับพันธมิตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับศัลยกรรมด้วย หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป” นพ.คงศักดิ์ กล่าว
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน TRP กล่าวว่า การที่ TRP เข้าซื้อขายใน mai วันแรก ราคาสามารถยืนเหนือจองได้ สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำการให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ด้วยนวัตกรรมการผ่าตัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะของธีรพร เช่น FACE-LOCK, EYE-LOCK และ FAT STEM CELL ที่คิดค้น วิจัยและพัฒนา โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2566 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และผู้คนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่หันมารักสวยรักงาม ใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองกันมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจศัลยกรมมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและยังไปได้อีกไกล สะท้อนภาพของการเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า TRP กำหนดราคาไอพีโอ 90 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 14 บาท คิดเป็น P/E ratio เท่ากับ 21.12 เท่า เป็นระดับ P/E ที่น้อยกว่าธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในตลาด mai ที่มี P/E เฉลี่ย 33-39 เท่า เป็นราคาที่เหมาะสมจากลักษณะธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก ด้วยความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตหลังจากนี้ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้าของประเทศไทย