XO เด้ง 5% ผู้บริหารยันยอดขาย “สหรัฐฯ” เกินเป้า โตกว่า 50%
XO เด้ง 5% หลังซีอีโอสยบข่าวร้ายยันไร้ผลกระทบฮุยฟงฯ กลับมาผลิต-ออเดอร์ส่งออกทุกสัปดาห์ ดันยอดขาย “สหรัฐฯ” เกินเป้า ย้ำยอดขายปีนี้ 2,400 ล้านบาท โตกว่า 50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.66)ราคาหุ้น บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 10:08 น. อยู่ที่ระดับ 29.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 5.41% สูงสุดที่ระดับ 29.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85.04 ล้านบาท
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการ และกรรมการผู้จัดการ XO เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงกรณีที่นักวิเคราะห์มีการหยิบยกข่าว Huy Fong Foods ที่กลับมาผลิตซอสพริกศรีราชาในสหรัฐฯ และมีการอ้างอิงถึง XO อาจได้รับผลกระทบต่อคำสั่งซื้อ และราคาขายนั้น XO มองว่าเป็นจังหวะที่ถูกหยิบยกประเด็นขึ้นมาพูดถึงในช่วงนี้มากกว่า เนื่องจากความเป็นจริงแล้ว Huy Fong Foods มีการทยอยเพิ่มกำลังผลิตมากขึ้นมาสักระยะ 3-4 เดือนก่อน โดยจนถึงปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณเชิงลบที่เป็นนัยยะต่อออเดอร์ของ XO แต่อย่างใด และไม่มีสิ่งที่ต้องกังวลอะไรกับเรื่องนี้ เพราะมองว่า Huy Fong Foods จะไม่มีทางกลับมาผลิตได้เท่าฐานเดิม เนื่องจากยังมีปัญหาขาดแคลนพริก
ขณะที่ นับตั้งแต่ XO เริ่มเข้าไปทำตลาดสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ได้เปิดตลาดด้วยการรับออเดอร์ที่ย้ายมาจากลูกค้าของ Huy Fong Foods โดยตรง และคู่ค้าบางรายของ XO ก็ไม่ได้มีการค้าขายกับ Huy Fong Foods ด้วย ซึ่งออเดอร์ที่ XO ได้มา ถือเป็นการเข้าไปเจาะตลาดเองตามแผนขยายตลาดตามปกติ หรือเติบโตด้วยตัวเองเป็นหลัก โดยปัจจุบันคู่ค้าทุกรายยังปกติดี เนื่องจากออเดอร์ที่ยังถูกส่งออกไปยังโซนสหรัฐอเมริกาทุกสัปดาห์เหมือนเดิม และไม่มีการยกเลิกออเดอร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคู่ค้าของ XO ยังคงกระจาย หรือขายสินค้าเข้าหน้าร้านได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ Huy Fong Foods จะกลับมาผลิตซอสพริกศรีราชาอีกครั้ง
“เวลาจะพิสูจน์เองว่าจริงหรือไม่จริง โดยมั่นใจว่าสัดส่วนยอดขายของฝั่งอเมริกาจะเป็นไปตามเป้าหมาย และ 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 สามารถทำได้ดีกว่าเป้าหมายแล้ว ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 น่าจะออกมาดีมาก ซึ่งจะประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบการเงินและประกาศในวันที่ 13 พ.ย.นี้ พร้อมทั้งเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 และมั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องได้ในปี 2567” นายจิตติพร กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 ถือว่าเติบโตเกินเป้าหมายค่อนข้างมาก หรือจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% หรือแตะระดับ 2,400 ล้านบาท (บวกลบ) เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดขายรวม 1,480.37 ล้านบาท เป็นไปตามออเดอร์ทุกตลาดเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยอดขายที่ขยายตัวขึ้นมาเฉลี่ยกว่า 1,000 ล้านบาท มีฐานคู่ค้าใหม่ที่ขยายตัวมากขึ้นกว่า 20% คิดเป็นยอดขายเฉลี่ย 400-500 ล้านบาท ซึ่ง 50% มาจากโซนอเมริกา และ 50% มาจากโซนอื่น ๆ ส่วนอีก 500 ล้านบาท เป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากคู่ค้ารายเดิม