PRIME เด้งแรง 14% เก็งงบ Q3 โตต่อ พ่วงหุ้นต่ำบุ๊ก
PRIME เด้งแรง 14% เก็งงบไตรมาส 3/66 โตต่อ พ่วงหุ้นต่ำบุ๊ก ลั่นรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1.4 พันล้าน ปี 67 โตไม่ต่ำกว่า 30% จากโครงการผลิตไฟฟ้าในและต่างประเทศ วางเป้ากำลังการผลิตแตะ 1,800 เมกะวัตต์ ในปี 70
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 0.67 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 13.56% สูงสุดที่ระดับ 0.67 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.70 ล้านบาท คาดเก็งกำไรงบไตรมาส 3/66 โตต่อเนื่อง จากไตรมาส 2/66 มีกำไร 50.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 30.65 ล้านบาท ด้านราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 0.76 บาท
โดยก่อนหน้านี้นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRIME เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1,200-1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,136 ล้านบาท ซึ่งงวด 6 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้ว 904 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 วางเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% จากปี 2566 ซึ่งการเติบโตยังคงมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งงานติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตต่อเนื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 307.54 เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 1,800 เมกะวัตต์ในปี 2570 หรือเติบโต 43% แบ่งเป็น ปี 2566 จะเพิ่มเป็น 380 เมกะวัตต์, ปี 2567 จะเพิ่มเป็น 660 เมกะวัตต์, ปี 2568 จะเพิ่มเป็น 1,030 เมกะวัตต์, ปี 2569 จะเพิ่มเป็น 1,390 เมกะวัตต์ และปี 2570 จะเพิ่มเป็น 1,800 เมกะวัตต์ มาจากการเติบโตโครงการทั้งในและต่างประเทศ
โดยปัจจุบันบริษัทมี Big Lot จำนวน 2 โครงการที่ประเทศไต้หวัน กำลังการผลิตรวม 300 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์ม Miaoli Lake West กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567 และจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2568 และโครงการโซลาร์ฟาร์มบนบ่อเลี้ยงปลา Budai Outdoor Fishfarm ในจังหวัดเจียอี้ ขนาด 99 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวันเช่นกัน คาดว่าจะลงนามสัญญา PPA ในช่วงกลางปี 2567 และเริ่มก่อสร้างในปี 2568
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสการขยายลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทมองไว้นานมากแล้ว เนื่องจากอินโดนีเซีย วางเป้าสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 14.7% เป็น 23% ภายในปี 2568 และเป็น 31% ภายในปี 2593 ซึ่งบริษัทมีโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่อินโดนีเซียแล้ว 900 กิโลวัตต์ กำหนด COD ในสิ้นปีนี้ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 5 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งลงนามความร่วมมือ (MOU) กับพันธมิตร เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกันมากขึ้นกว่า 20 เมกะวัตต์ใน 2 ปี อีกทั้ง บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลโครงการเพิ่มเติมด้วย
สำหรับความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงทุนบริษัทวิศวกรรมพลังงานภายใต้ชื่อ บริษัท ไพร์ม อินดัสเทรียล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PIE) คาดมีโรงงานมากถึง 8,000 แห่ง มีความต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปประมาณ 1,600 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีแผนเข้าไปให้บริการเบ็ดเสร็จและครบวงจร คาดว่าในปีนี้น่าจะมีลูกค้าอย่างน้อย 30 เมกะวัตต์