COCOCO บวก 3% เก็งงบ Q3 แจ่ม ลุ้นทั้งปีรายได้โตเข้าเป้า 30%

COCOCO บวก 3% จับตา! เตรียมแจ้งงบไตรมาส 3/66 วันที่ 9 พ.ย.นี้ คาดผลงานโตตามเป้า พร้อมชี้ไตรมาส 4/66 พุ่งต่อเนื่อง หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30% โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ให้เป้าราคา 11.60 บาทต่อหุ้น ประเมินไตรมาส 3/66 จะมีกำไรนิวไฮ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ณ เวลา 11:37 น. อยู่ที่ระดับ 9.05 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 2.84% สูงสุดที่ระดับ 9.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96.13 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจาก COCOCO เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่ออนุมัติงบการเงินไตรมาส 3/2566 และแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 9 พ.ย. 2566 ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 รวมทั้งเตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ในวันที่ 17 พ.ย. 2566

ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะเติบโตต่อเนื่อง คาดรายได้จากการขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปี 2565 สอดคล้องกับทิศทางคำสั่งซื้อ (Order) ที่เพิ่มขึ้น ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งกะทิกระป๋อง กะทิพาสเจอร์ไรส์ น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรส์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น COCOCO ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 11.60 บาทต่อหุ้น โดยประเมินรายได้รวมปี 2566 อยู่ที่ 4,382  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 3,365 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท

ขณะที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ของ COCOCO จะมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน (ไม่มีฐานไตรมาส 3/2565 เทียบ) แต่หักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ คาดกำไรหลัก 151 ล้านบาท ทรงตัวในระดับสูงสุด (นิวไฮ) จากไตรมาสก่อน จากฐานกำไรหลักสูงสุด และคาดว่ายอดขายเติบโตราว 15% จากไตรมาสก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมะพร้าวเติบโตราว 20% ชดเชยกลุ่มกะทิที่ลดลง 10-15% เป็นไปตามกลยุทธ์บริษัทที่จะโฟกัสขายน้ำ มะพร้าว ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (Margin) ดีกว่า

โดยอัตรากำไรขั้นต้นยังสูง คาดอนุรักษนิยมไว้ที่ 26% ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ค่าใช้จ่ายจะปรับเพิ่มขึ้น 30-40 ล้านบาท เนื่องจากกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) (One-time) รวมทั้งค่าเดินทาง-ออกบูธ แสดงสินค้าครั้งใหญ่ ที่ห่างหายไปนานตั้งแต่โควิด-19 ระบาด (ปกติจะสูงสุดในไตรมาส 3) ส่วนในไตรมาส 4/2566 แม้เป็นโลว์ซีซั่น (Low season) แต่คาดว่ามีโอกาสที่จะเห็นกำไรหลักทรงตัวจากไตรมาส 3/2566ได้ และเป็น Upside ต่อกำไรทั้งปีราว 10-15%

ทั้งนี้ ธุรกิจนํ้ามะพร้าวที่กำลังเร่งการเติบโต ล่าสุดหลังเดินสายหาลูกค้าใหม่จบลง (โดยเน้นลูกค้าจีน) ผู้บริหารได้ขออนุมัติบอร์ดเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3.10 แสนตัน/ปี จากเดิมเสนอไว้ 2.18 แสนตัน/ปี เพิ่มขึ้น 42% และของจริงในปัจจุบัน 1.1 แสนตัน เพิ่มขึ้น 181% เพื่อรองรับออเดอร์ที่วางแผนร่วมกับลูกค้าไว้ ซึ่งการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์จะทยอยเพิ่มช่วงปี 2567-2568 (เต็มปี 2568)

Back to top button