PTT ตั้งงบลงทุนปีหน้า 5.28 หมื่นลบ. ไม่รวม M&A มองแนวโน้มการใช้พลังงานโลกดีขึ้น
PTT ตั้งงบลงทุน 5 ปี (59-63) ที่ 2.99 แสนลบ. ขณะที่ในปี 59 ตั้งงบลงทุน 5.28 หมื่นลบ. ไม่รวม M&A มองแนวโน้มการใช้พลังงานโลกจะดีขึ้นในปีหน้าตามภาวะเศรษฐกิจโลก
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (25 ธ.ค.58) อนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 59-63) ที่ระดับ 298,649 ล้านบาท บนพื้นฐานราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในช่วงต่ำ ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวไม่นับรวมการเข้าซื้อกิจการ ขณะที่งบลงทุนในปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 52,839 ล้านบาท มากกว่าปีนี้ที่ใช้งบลงทุนไปราว 50,000 ล้านบาท หลังมีบางโครงการได้เลื่อนมาจ่ายเงินลงทุนในปี 59
สำหรับงบลงทุน 5 ปีดังกล่าวจะใช้สำหรับสร้างความมั่นคงด้านพลังงานราว 69% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน เช่น การสร้างท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 คลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะที่ 1 เฟส 2 ที่ยังคงเดินหน้าต่อ , การลงทุนเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ราว 39% และงบลงทุนในธุรกิจที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม (green) ราว 1%
ทั้งนี้งบลงทุนตามแผน 5 ปีดังกล่าว ราว 55% เป็นงบลงทุนในโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ขณะที่อีกราว 25% เป็นโครงการที่มีแผนงานชัดเจนแล้วและเห็นชอบแล้ว ส่วนอีก 20% เป็นแผนลงทุนใหม่ที่จะแปรผันตามการประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ใช้ในการจัดทำงบประมาณ 5 ปีครั้งนี้ เช่น การสร้างคลังก๊าซธรรมชาติหลว (LNG) ระยะ 2 รวมถึงคลัง LNG ในรูปแบบเรือลอยน้ำ FSRU (Floating Storage Regisification Unit)เป็นต้น
โดยการจัดทำงบประมาณลงทุนอยู่บนสมมติฐานระดับแนวทางน้ำมันใน 2 ระดับ โดยระดับแรก เป็นระดับฐานใหม่ของราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ประเมินว่าในปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และค่อยๆขยับขึ้นเป็น 44-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 3 ปีนี้ และระดับที่สอง เป็นราคาน้ำมันระดับปานกลางที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ในปี 59 จะอยู่ระดับ 54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และไต่ระดับไป 58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีถัดไป และถึงระดับ 62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่สาม
ขณะที่ประเมินแนวโน้มการใช้พลังงานโลกจะดีขึ้นในปีหน้าตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโต 3.6% จาก 3.1% ในปีนี้ และเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.7% ในปีหน้า จาก 2.8-3% ในปีนี้ ส่งผลถึงภาพรวมการใช้พลังงานของไทยในปีหน้าด้วย หลังจากในปีนี้ประเมินว่าในปีนี้การใช้พลังงานของไทย ซึ่งรวมถึงธุรกิจไฟฟ้าด้วยนั้น จะเติบโต 2% โดยการใช้น้ำมันเบนซินเติบโตมากถึง 13% และดีเซลเติบโต 3.6% ซึ่งเป็นผลจากระดับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ จากปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปีข้างหน้าปริมาณน้ำมันและก๊าซฯ จะชะลอตัวลงหลังทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ผู้ผลิตขุดเจาะปิโตรเลียมหลายโครงการหยุดการผลิต ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงเติบโตขึ้น ซึ่งภาวะโอเวอร์ซัพพลายจะยังคงมีอยู่ในช่วงปี 59-60 และในปี 61 มองว่าระดับปริมาณน้ำมันและก๊าซฯ น่าจะใกล้เคียงกับระดับความต้องการใช้