ปปง.-ดีเอสไอ ไล่เอาผิดคนโกงหุ้น “STARK” 12 ราย สั่งอายัด 349 ล้านบาท

ดีเอสไอ จ่อเค้นจนท.บริษัทตรวจสอบบัญชี “STARK” หลังพบว่าเอี่ยวคดีโกงหุ้น ขณะที่ยึดทรัพย์ล็อตแรกพบทรัพย์สินเพียง 349 ล้าน


วันที่ 20 พ.ย. 66  สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)   นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและ  โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ได้แถลงความคืบหน้าในคดี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น  จำกัด (มหาชน)  หรือ STARK  โดยรายคดีของ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท STARK  กับพวก เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีบริษัท STARK  ซึ่งมีนายชนินทร์ เป็นประธานกรรมการบริษัทมีพฤติการณ์ ตกแต่งงบการเงินของบริษัท เพื่อแสดงผลการดำเนินการที่ดีและสูงกว่าความเป็นจริง ต้องการให้เป็น ที่สนใจของผู้ลงทุน โดยเปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน พร้อมนำงบการเงินดังกล่าวไปใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการเสนอขายหุ้นกู้ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 16 รายการ โดยมีทั้งเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 349 ล้านบาท

สำหรับเรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)  เนื่องจากได้ใช้อำนาจตามกฎหมายไล่ตามอายัดทรัพย์ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งในล็อตที่ 2 นั้นเราก็เอาทรัพย์สินมาพิจารณาตรวจสอบ ว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้เตรียมกระทำความผิดหรือไม่  หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในการคัดกรองเพื่อไม่ให้กระทบกับคนที่ไม่ได้กระทำผิด แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถลงลึกได้ว่าเป็นทรัพย์สินอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของผู้บริหาร ลูก เลขา แล้วก็ของคนที่รับธุรกรรมบางส่วน โดยเป็นกลุ่มแรก และเป็นล้อตที่สองที่ปปง.จะดำเนินการต่อไป รวมไปถึงทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนแยกทรัพย์

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  กล่าวว่า ในการดำเนินคดีกรณี STARK นั้น  ตอนนี้ได้มีการเร่งรัดสอบสวนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่กลต.ได้มากล่าวโทษกับบริษัท STARK คนที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ได้มีการสอบสวนไปแล้วประมาณ 160 ราย  ซึ่งเป็นการทุจริตของกรรมการ และผู้มีหน้าที่ดำเนินการของบริษัท มีการแต่งบัญชีงบการเงิน เพื่อหลอกหลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ตอนนี้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 12 ราย  เป็นบุคลธรรมดา 6 ราย เป็นนิติบุคคล 5 ราย แล้ว โดยล่าสุดเพิ่มมาอีก 1 ราย เป็นอดีตประธานกรรมการมีส่วนสำคัญในการวางแผนดำเนินการ ซึ่งตอนนี้มีข้อมูลว่าหลบหนีอยู่ต่างประเทศ  อย่างไรก็ดีนอกจากการแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นความผิดตามพรบ.หลักทรัพย์ แล้วนั้น ก็ได้แจ้งความผิดข้อหาอาญาในเรื่องการฟอกเงินด้วยสำหรับรายที่มีพฤติการณ์การเอาทรัพย์สินไปฟอกเงิน ตอนนี้เรื่องการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเราจะสนับสนุนสำนวนให้ได้ภายในเดือนนี้

สำหรับนายชนินทร์ที่มีข่าวว่าหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้ก็ได้มการตั้งผู้เชี่ยวชาญกับเรื่องต่างประเทศขึ้นมาเพื่อติดตาม ก็ต้องรอผลการสอบสวนให้มีคำสั่งฟ้องก็จะดำเนินการ ส่วนการเข้าให้ปากคำของ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตผู้บริหาร STARK ก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ครั้ง เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ และพร้อมจะต่อสู้ข้อกล่าวหา ทั้งนี้คณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นเรื่องบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีนั้น ทางดีเอสไอได้เรียกให้มาพบแล้วสองครั้ง แต่พยานคนนี้อ้างว่าป่วย พร้อมกับมีใบรับรองแพทย์มายืนยันว่ามีอาการทางสมอง ยังไม่สามารถให้การได้ ซึ่งเราต้องการให้เขามาให้การ  เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าได้มีการตรวจสอบไปตามมาตรฐานทางบัญชีหรือไม่ เรื่องนี้เราก็รับฟังจาก กลต.ด้วย ก็จะมีการตรวจสอบควงคู่กัน โดยประเด็นนี้เป็นข้อพิจารณาของพนักงานสอบสวน สำหรับความคิบหน้าของสำนวนคดีคาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้.

Back to top button