3 หุ้นโรงไฟฟ้าบวกคึก! รับ “เงินบาทแข็งค่า” กดหนี้สกุลต่างประเทศลดฮวบ
3 หุ้นโรงไฟฟ้าบวกคึก! รับอานิสงส์เงินบาทแข็งมากสุดในเอเชีย กดหนี้สกุลต่างประเทศลดฮวบ พ่วงเป้าฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าบวกคึก นำโดย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 15:38 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 28.00 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.67% สูงสุดที่ระดับ 28.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 810.35 ล้านบาท
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ณ เวลา 15:39 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 49.25 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 4.23% สูงสุดที่ระดับ 49.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 47.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 765.74 ล้านบาท
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 15:40 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 46.25 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 2.21% สูงสุดที่ระดับ 46.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 45.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 737.38 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(15 ธ.ค.66) วานนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าลงเร็วถึง 2.18% มาอยู่ที่ 34.76 บาท/เหรียญ ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย รองลงมาคือ เกาหลี วอนแข็งค่า 1.91%, อินโดฯ ลูเปีย 1.05%,จีน หยวน 0.83% และค่าเงินประเทศอื่นๆตามตารางทางด้านล่าง
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี สหรัฐกับไทย เทียบกับค่าเงินบาท พบว่า มีทิศทางที่สอดคล้องกัน (COLLERATION 0.7) คือ ถ้าส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปีสหรัฐกับไทย (BOND YIELD 10 ปี ของ สหรัฐ ลบ ไทย) แคบลง เป็นตัวช่วยเร่งให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเสมอ
ดังนั้นแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินของธปท.ที่มีมุมมองคงดอกเบี้ยต่อเนื่อง ต่างกับ FED ที่อาจลดดอกเบี้ยในปีหน้า 3 ครั้ง และปีถัดไป 2 ครั้ง หนุนให้ส่วนต่าง BONDYIELD 10 ปีสหรัฐกับไทย มีแนวโน้มแคบลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าเช่นกัน
อีกทั้งหนุนให้ FUND FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามาในตลาดตลาดหุ้นไทยต่อ เพราะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม หลังจากที่วานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 3.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในวันเดียวที่สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของปี
โดยประเด็นดังกล่าวคาดหนุนให้ SET INDEX มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อได้ โดยหุ้นเด่นแนะนำหุ้นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป 3 กลุ่ม อาทิ 1.กลุ่มที่มีต้นทุนหรือหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ GULF, BGRIM, MINT PTT,PTTEP, PTTGC, AAV 2.กลุ่มที่เน้นการนำเข้า TFG, TVO และ 3.กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก Fund Flow ไหลเข้า KBANK, SCB, BBL, TISCO, PTT,PTTEP, PTTGC, OR, IVL, SCC, CPN, CPALL, CRC, ADVANC