IVL บวกแรง 8% ส่งซิกกำไรปี 67 ฟื้น ยอดขายดีมานด์โตดี โบรกแนะซื้อเป้า 30 บาท
IVL บวกแรง 8% แย้มผลงานปี 67 ฟื้น จากยอดขายเพิ่มขึ้น พ่วงโครงการ PET ในอินเดียเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มที่ และดีมานด์ยังคงแข็งแกร่งหนุนธุรกิจ PTE เติบโต โบรกแนะซื้อเป้า 30 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(20 .ค.66) ราคาหุ้นบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ณ เวลา 16:19 o. อยู่ที่ระดับ 28.00 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 7.69% ราคาสูงสุด 28.00 บาท ราคาต่ำสุด 26.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 701.27 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นาย Vikash Jalan Heand of IR and VP Planning บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในปี 67 ดีขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเร่งระบายคลังสินค้าในตลาดที่ผ่อนคลายลง และโครงการ PET ในอินเดียน่าจะเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มที่ และดีมานด์ที่ยังคงแข็งแกร่งหนุนธุรกิจ PTE เติบโต
ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะไม่เกิดผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงอีก จากปีนี้รับผลกระทบจาก Energy hedging loss ราว 95 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันได้มีการทำ hedging ไปแล้วประมาณ 10%
นอกจากนี้ทางฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการกระจายตัวของแหล่งที่ตั้งธุรกิจ ทำให้สามารถไปปรับเปลี่ยนการผลิตในเอเชียได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานคุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจไฟเบอร์ และ PTA ในโปรตุเกส ก็น่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายคงที่ลงไปได้อีก
ธุรกิจ MTBE คาดหากการขาดแคลนแก๊สโซลีนในปีหน้าคลี่คลายลง ก็น่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ (Normal) ได้ ขณะเดียวกันก็จะได้รับประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจ C-PET กลับมาเช่นเดียวกัน
สำหรับภาพรวม หากสภาวะตลาด PET ของจีนผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก็น่าจะช่วยให้สเปรดของ PET ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน Free cash flow อยู่ในเชิงได้เปรียบ พร้อมที่จะทำให้ IVL มีโอกาสได้สร้างกำไรต่อไปในปี 2567 แต่ก็จะได้รับประโยชน์ในกลุ่ม C
ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจในปีหน้านั้นมีจำกัดมากขึ้น เนื่องด้วยประเมินว่าระดับมาร์จิ้นในปัจจุบันก็ต่ำค่อนข้างมากแล้ว แม้ต้นทุนยังอยู่ในระดับสูงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบด้วย หากราคาน้ำมันดิบต่ำลง ก็อาจเกิด Inventory lost ได้ แต่หากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นก็จะมีกำไร
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS โดยประเมินกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ “แกว่งขึ้น” โดยมีแนวต้าน 1,410-1,430จุด และแนวรับ 1,380-1,366 จุด รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนไปทางทรงตัว จะหนุนตลาดเชื่อมั่นสหรัฐฯอยู่ในภาวะ “Goldilocks” บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ฝั่งไทยความเชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ มองภาคผลิตและส่งออกที่ตลาดกังวลจะค่อยๆดีขึ้น จากปัจจัยชี้นำยอดส่งออกไต้หวัน + เกาหลีใต้เชื่อออกมาฟื้นตัว
โดยมองหุ้นนำ 1) กลุ่มวงจรดอกเบี้ยขาลงหนุน (GPSC, BGRIM, JMT, SAWAD) 2) กลุ่มภาคผลิตโลกฟื้น (KCE, IVL, SCGP, PTTGC, SJWD, MENA, WICE) และ 3) หุ้นปี 2567 High Growth (SHR, TU, SJWD, IVL, CPALL, DOHOME, AOT, CPALL, BE8)
ส่วนหุ้นเด่นสัปดาห์นี้:แนะนำ GPSC, CPALL, IVL โดย GPSC แนะนำราคาเป้าหมาย 65 บาท ได้ประโยชน์วงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯขาลงและเงินบาทแข็งค่าหนุน และ CPALLแนะนำราคาเป้าหมาย 76 บาท หุ้น High Growth ปี 2567 และได้ประโยชน์วงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง ส่วน IVL ราคาเป้าหมาย 30 บาท หุ้น High Growth ปี 2567 และอัพไซด์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีน