COCOCO บวกแรง 9% ส่งซิก Q4/66 สดใส รับออเดอร์จีนทะลัก
COCOCO บวกแรง 9% ส่งซิกไตรมาส 4/66 สดใส รับออเดอร์จีนทะลัก หลังบริษัทได้ลูกค้ารายใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ม.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ณ เวลา 15:36 น. อยู่ที่ระดับ 8.65 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 9.49% สูงสุดที่ระดับ 8.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 271.95 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ COCOCO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 ว่า มีแววสดใสส่งท้ายสิ้นปี ซึ่งบริษัทถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย โดยนำน้ำมะพร้าวมาปรุงแต่งตามสูตรที่บริษัทฯ คิดค้นและพัฒนาเอง หรือตามสูตรของลูกค้ารวมทั้งสูตรที่พัฒนาร่วมกับลูกค้า ซึ่งมีกระแสออเดอร์ใหม่ล้นหลามต่อเนื่อง โดยหัวใจสำคัญ คือ ทีมงานของบริษัทฯ ที่มากด้วยประสบการณ์ เสริมทัพใหญ่ด้วย ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COCOCO เจาะเข้าถูกกลุ่มตลาดลูกค้าจีนรายใหญ่ เป็นผลให้บริษัทฯ จำเป็นต้องวางแผนกำลังการผลิต เพื่อรองรับออเดอร์ใหม่จากลูกค้าประเทศจีน สอดคล้องกับกลุ่มอาหารที่ยังเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ออกบทวิเคราะห์มีมุมมองต่อบริษัทมะพร้าวน้ำหอม Soft power โดยบริษัทฯ เสนอขายหุ้นในจังหวะที่กำลังปรับแผนธุรกิจไปเพิ่มการผลิตน้ำมะพร้าว ซึ่งน้ำมะพร้าวเพิ่งจะจุดติดในจีนเมื่อปี 2020 เห็นได้จากการค้นหา “ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว” บน search engine Baidu โดยวิกฤติ COVID-19 ทำให้ชาวจีนตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น และใช้คุณประโยชน์ของน้ำมะพร้าวในการเสริมสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งเงิน IPO 2 พันล้านบาท ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ได้ทุกไตรมาสในปี 2024 และจะขึ้นไปแตะ 391,299 ตัน ในปี 2026 หรือ เพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่าตัวจากปี 2023
ทั้งนี้ มองว่าเป็นจังหวะการ IPO พร้อมๆ การบริโภคน้ำมะพร้าวที่เพิ่งจุดติดประเทศจีนได้ไม่นาน ทำให้เชื่อว่าจะเห็นกำไรเติบโตตลอด 3 ปีนี้จากกำลังการผลิตใหม่ที่ทยอยเข้า และเราเชื่อว่าการดื่มน้ำมะพร้าวที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อบำรุงสุขภาพของคนจีน น่าจะทำให้รันเวย์ของบริษัทมีโอกาสลากยาวกว่าคาดได้
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากมะพร้าว เดิมเน้นกะทิ และพลิกกลยุทธ์มาเน้นน้ำมะพร้าว โดยมีการคาดกันว่ามูลค่าตลาดน้ำมะพร้าวโลกกว่า 1.7-2.2 แสนล้านบาท และจะเติบโตเฉลี่ยราว 14.8-16.5% ในช่วง 5-10 ปีจากนี้ ถือว่าเติบโตสูงมาก ขณะที่จุดเด่นของบริษัท คือความสามารถในการ Secure แหล่งวัตถุดิบไปพร้อมกัน ทำให้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ด้านค้าปลีก และขายสินค้าอุปโภคชั้นนำของจีน เข้ามาติดต่อจ้างผลิตสินค้าไปขายที่จีนจำนวนมาก