PLUS พุ่งแรง 9% ลั่นรายได้ปี 67 โต 50% แตะ 2.1 พันล้าน
PLUS พุ่งแรง 9% ลั่นรายได้ปี 67 โต 50% แตะ 2.1 พันล้านบาท พร้อมส่งซิกทำนิวไฮทุกไตรมาส รับออเดอร์ไหลเข้าต่อเนื่อง เดินหน้าขายสินค้าเดิม ควบคู่ออกสินค้าใหม่ ปักธงเน้นขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ม.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ล่าสุด ณ เวลา 15.42 น. อยู่ที่ระดับ 6.95 บาท บวก 0.60 บาท หรือ9.45% สูงสุดที่ระดับ 7.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.20 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัท โดยบริษัทคาดว่ามีโอกาสรายได้ทั้งปี 2567 และรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1-4 ของปี 2567 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้
โดยบริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมในปี 2567 จะเติบโตที่ระดับ 2,100 ล้านบาท เติบโตเกิน 50% จากปี 2566 โดยจะมาจากการขายสินค้าเดิมที่มีอยู่ และการออกสินค้าใหม่ (New Product) นอกจากนี้จะมีการรับรู้จากการขยายไลน์ผลิตขวด PET ที่จะเพิ่มเข้ามาด้วย
สำหรับการขยายตลาดในปี 2567 ภายในประเทศไทยยังคงรักษาตลาดไว้ โดยมีแผนจะออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเน้นสินค้าที่เป็นขวด PET แต่จะไม่มีการทำตลาดใหญ่ เพราะบริษัทยังคงเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนตลาดต่างประเทศ ในภาพรวมยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567
โดยกลุ่มสินค้าเดิมที่เป็นขวดแก้วก็มีการเติบโต ทั้งช่องทางเดิมและการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนขวด PET หลัก ๆ จะเติบโตจากตลาดจีน ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มน้ำมะพร้าว ขณะที่น้ำผลไม้ผสมวุ้น จะเติบโตในประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา เป็นหลัก นอกจากนี้ ในประเทศอื่น ๆ ยังคงมีการเติบโต เช่น ประเทศอินเดีย ลาตินอเมริกา เป็นต้น แต่เป็นประเทศที่มีฐานรายได้ที่ต่ำ จึงยังมีสัดส่วนที่น้อย
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 98% มีการส่งออกไปใน 7 ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ได้แก่ 1. จีน, 2. ยุโรป, 3. ตะวันออกกลาง, 4. อเมริกา, 5. เอเชีย, 6. อาเซียน และ 7. ออสเตรีย สำหรับปัญหาสงครามในต่างประเทศที่เกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะการส่งออกไปในประเทศที่เกิดสงครามยังคงมีสัดส่วนที่น้อยมาก ส่วนประเทศที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก็ไม่กระทบกับบริษัทเช่นกัน
นายพลแสง กล่าวอีกว่า สินค้าหลักที่ขายดีติด Top 3 ของบริษัท ได้แก่ 1.น้ำมะพร้าว, 2.เครื่องดื่มผลมเม็ดแมงลัก และ 3.น้ำมะพร้าวผสมเนื้อวุ้น โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มต่อเนื่อง ได้แก่ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ “มาบุ โคโค่” และน้ำผลไม้ 100% แบรนด์ “รอยัล โคโค” ซึ่งเป็นสินค้าเพื่อส่งออกเป็นหลัก
ส่วนกำลังการผลิตรวมในปี 2567 อยู่ที่ 350 ล้านขวดต่อปี แบ่งเป็น กำลังการผลิตขวดแก้ว จำนวน 200 ล้านขวดต่อปี และกำลังการผลิตขวด PET จำนวน 150 ล้านขวดต่อปี ซึ่งในส่วนของกำลังการผลิตขวด PET ในปี 2567 จะรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตดังกล่าวเข้ามาเต็มปี หลังจากเริ่มผลิตไปบ้างแล้วบางส่วนในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา
“แนวโน้มของคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในปัจจุบันยังเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มสินค้าขวด PET ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง ดังนั้น เราเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 1/2567 จะยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทยังมีแผนลงทุนในส่วนของ Utilities (สาธารณูปโภค) และติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เพื่อเป็นการลดต้นทุนเพิ่มเติม แต่ยังอยู่ในช่วงพิจารณางบลงทุน” นายพลแสง กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา รายได้รวมน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 20% จากปี 2565เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/2566 ลูกค้ามีสินค้าคงเหลือในคลัง (สต๊อกสินค้า) จำนวนมาก ทำให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ และแม้ว่ายอดขายจะฟื้นตัวกลับมาในไตรมาสถัด ๆ ไป แต่ด้วยกำหนดการเริ่มผลิตของไลน์ผลิตขวด PET ที่ช้ากว่าแผนไป 3 เดือน ทำให้การรับรู้รายได้เลื่อนไปด้วยเช่นกัน จึงกระทบต่อเป้าหมายในปี 2566 เบื้องต้นคาดว่าในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบปี 2566