BH ดีดบวก 2% เก็ง Q4/66 โตเด่น อานิสงส์ผู้ป่วยทะลัก โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 300 บ.

BH ดีดบวก 2% เก็งไตรมาส 4/66 โตเด่น! อานิสงส์ผู้ป่วยไทย-ต่างชาติทะลัก โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ”เคาะเป้า 300 บาท จับตากำไรปี 66 พุ่งแรง 48%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ม.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ณ เวลา 15:48 น. อยู่ที่ระดับ 240.00 บาท บวก 5.00 บาท หรือ 2.13% สูงสุดที่ระดับ 242.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 236.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 569.74 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจาก BH เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 จะออกมาดีต่อเนื่อง เป็นไปตามแผนงานที่เคยประกาศไว้ เนื่องจากมีโรคประจำฤดู และจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะ รวมทั้งมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะเติบโตมากกว่าปี 2565 ที่มีรายได้รวม 20,953.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,938.22 ล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวมแล้ว 19,093.48 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ารายได้ทั้งปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 5,285.62 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 2565 แล้ว นอกจากนี้ยังสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของผลการดำเนินงานในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และสูงกว่าปี 2562 ทั้งปีอีกด้วย

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BH ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 300 บาท เนื่องจากยังมี catalyst จาก medical tourism visa ที่ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้า-ออกประเทศสะดวกมากขึ้น รวมทั้งเริ่มเป็นที่รู้จักในซาอุดีอาระเบียและโอมาน อาจทำให้มีผู้ใช้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และในไตรมาส 2/2568 โรงพยาบาลที่จังหวัดภูเก็ตจะเปิดให้บริการ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและการเติบโตของ BH แต่อาจกดดันต่อกำไรปี 2568 จากการยังไม่คืนทุนของโรงพยาบาลใหม่ และค่าใช้จ่ายบุคลากรใหม่

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะเติบโตตามคนไข้ที่กลับมาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยประเมินกำไรไว้ที่ 2,012 ล้านบาท เติบโต 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน หลังรายได้ขยายตัวแตะ 6,880 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน ซึ่งมีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 66% ด้วยรายได้ 4,541 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อน ที่เหลือเป็นสัดส่วนผู้ป่วยชาวไทย ด้วยรายได้ 2,339 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 5% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 7,298 ล้านบาท เติบโต 48% จากปีก่อน และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ไว้ที่ 7,759 ล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2566 โดยมองว่าปี 2567 จะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้จะเติบโตได้เล็กน้อยจากฐานสูงในปี 2566 เนื่องจาก BH จะเพิ่ม capacity ในการเปิดตึก Annex ในปี 2567 สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มเตียงผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ราว 12 เตียง ในช่วงกลางปี 2567 รวมทั้งมองว่า pent-up demand ของผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติยังอยู่ในระดับสูง ด้านสงครามที่ตะวันออกกลาง มีผลกระทบจำกัดต่อ BH สะท้อนจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ มองว่าราคาหุ้น underperform SET ลบ 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ต่ำกว่าตลาดคาด โดยปัจจุบัน BH ซื้อขาย (เทรด) อยู่ที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ปี 2567 ที่ 22.7 เท่า โดยราคาหุ้นของ BH เคยสูงสุดที่ 250 บาท ในปี 2558 ซึ่งมีกำไรสุทธิเพียง 3,436 ล้านบาท และปี 2562 ก่อนโควิด-19 มีกำไรอยู่ที่ 3,794 ล้านบาท เท่านั้น มองว่ากำไร BH จะเติบโตต่อเนื่อง และยังมี upside จากจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มากกว่าคาด โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย และยังขยายฐานต่อเนื่อง ช่วยหนุนกำไรให้เติบโต อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้น BH ลงมาค่อนข้างเยอะแล้ว และด้าน valuation ค่อนข้างถูก โดยค่าเฉลี่ยกลุ่มเทรดอยู่ที่ 29.1 เท่า

Back to top button