สถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียด หนุนราคาทองคำปิดพุ่ง 15 ดอลล์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง ประกอบกับการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 15 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิด (4 ม.ค.) ที่ระดับ 1,075.20 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.8 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 13.841 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.97% ปิดที่ 884.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 17.80 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 544.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคึกคัก หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังกดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหุ้น และหันเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสองมหาอำนาจในตะวันออกกลาง หลังจากที่ทางการซาอุดิอาระเบียสั่งประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักการศาสนาชื่อดังชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554
เหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดผลกระทบในด้านลบมากมาย รวมถึงการที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีสถานทูตและสถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในกรุงเตหะราน จนเป็นเหตุให้ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน
นอกจากนี้ รัฐบาลซูดานได้ประกาศขับนักการทูตอิหร่านออกจากประเทศเมื่อวานนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย และบาห์เรนประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต