BBIK ดีดบวก 8% โบรกแนะซื้อเป้า 123 บาท ชูอัพไซด์สูง 38% ปักธงปีนี้รายได้โต 50%
BBIK ดีดบวก 8% ปักธงปี 67 รายได้โต 50% เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ-ลุยลงทุน AI โบรกแนะซื้อเป้า 123 บาท อัพไซด์สูง 38%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ม.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ล่าสุด ณ เวลา 15:07 น. อยู่ที่ระดับ 89.00 บาท บวก 7.00 บาท หรือ 8.54% สูงสุดที่ระดับ 89.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 80.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116.05 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้(12 ธ.ค.66) นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทคาดจะมีรายได้เติบโต 50% โดยเน้นเพิ่มยอดขายตลาดต่างประเทศ รวมถึงจะมีการเข้าไปสำรวจตลาดที่ประเทศฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เนื่องจากมีลูกค้าหลายรายติดต่อเข้ามา ขณะที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน่าจะปรับเพิ่มเป็น 20% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10% สำหรับปี 67 คาดว่ารายได้จะสามารถเติบโต 120% ได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนแผนการย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2568
ด้านการลงทุนในปี 2567 บริษัทยังให้น้ำหนักที่การลงทุนทางด้าน AI เป็นอย่างมากในช่วง 3 ปีนี้ ส่วนดีลควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (JV) ก็สนใจในส่วนของบริษัทที่สามารถต่อยอดการทำงานและส่งเสริมการเติบโตร่วมกันได้ อย่างบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ โดยให้ความสนใจบริษัทที่อยู่ในไทย 90% และในต่างประเทศ 10% ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเกือบ 50% ของงบลงทุนประมาณ 30% ของรายได้ ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทคงเน้นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มการเงิน กลุ่มประกันภัย กลุ่มโทรคมนาคม กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการผลิต ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีข้อมูลการทำธุรกรรมจำนวนมาก
ทั้งนี้ BBIK ได้สรุป 7 Tech Capabilities สำคัญในปี 2567 ที่จะช่วยยกเครื่องการทำธุรกิจโดยแบ่งออกเป็น 4 แกนหลัก เพื่อให้องค์กรสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการวางรากฐานการเติบโตตามหลักความยั่งยืน ESG ที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว ได้แก่
แกนที่ 1 Augmented Intelligence-เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิดการผสานพลัง AI และมนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่กัน
แกนที่ 2 Digital Ecosystem-การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เชื่อมต่อหลายระบบและบริการเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า สามารถใช้งานได้หลากหลายผ่านช่องทาง,
แกนที่ 3 Digital Immunity and Trust-เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร รับมือภัยคุกคามไซเบอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ
แกนที่ 4 Sustainability Technologies–เป็นการผสมผสานแนวคิดด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย 1) เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงปัญหาสิ่งแวดล้อม และ 2) เทคโนโลยีที่สนับสนุนนโยบายด้าน ESG ซึ่งเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2567
บล.เมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ ซื้อ BBIK เนื่องจากคาดว่ากำไรหลักปี 67 จะเติบโต 38% และแนวโน้มระยะยาวที่แข็งแกร่ง ราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF ของเราไม่เปลี่ยนแปลงที่ 123 บาท (WACC 9.4%, Terminal Growth 3.4%) ทั้งนี้ ในงาน Thai Tech Day (16 ม.ค.) ซึ่งจัดโดย บล. เมย์แบงก์ ผู้บริหาร BBIK ยื่นยันเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 50% ในปี 67 และคาดว่า Backlog จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 1/67 หุ้น BBIK ซื้อขายที่ PEG ที่ 0.8 เท่า (บน PIE ปี 66 ที่ 32 เท่า ขณะที่กำไรหลักปี 66-68 เติบโตเท่ากับ 39% CAGR) ซึ่งเป็นอัตราส่วน PEG ที่ต่ำที่สุดในบรรดาบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย