TRC พุ่งกระฉูด 23% รับเดินหน้าเพิ่มทุน “อาเซียนโปแตชชัยภูมิ” EA ลั่นพร้อมใส่เงิน
TRC พุ่งกระฉูด 23% รับแผนเดินหน้าเพิ่มทุน “อาเซียนโปแตชชัยภูมิ” ภายในไตรมาส 2/67 นี้ หลังเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐเสร็จ EA ยอมรับผลตอบแทนโครงการดีขึ้นมาก ขณะที่ต้นทุนลดลง เล็งใส่เงินเพิ่มทุนแบบ PP เร็ว ๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(24 ม.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ณ เวลา 16:07 น. อยู่ที่ระดับ 0.32 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 23.08% ราคาสูงสุด 0.33 บาท ราคาต่ำสุด 0.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 34.14 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า การปรับโครงสร้างหนี้บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด หรือ APOT จะเสร็จภายในช่วงไตรมาส 1/2567 นี้ และการเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 2/2567 และมีโอกาสค่อนข้างสูงที่บริษัทจะกลับรายการที่ตั้งด้อยค่า APOT ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนโครงการนี้ รวมถึงหากมีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาเพิ่ม ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่โครงการนี้จะเดินหน้าต่อไป
ส่วนการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อาจจะมีเปลี่ยนแปลงหากมีแจ้งความประสงค์เข้ามา ก็จะอาจเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ด้วยก็ได้ โดยก่อนหน้านี้มีการเจรจากับนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA แจ้งความประสงค์เข้ามาที่จะเข้าลงทุน แต่โครงการก็ต้องมีความพร้อม ทั้งการได้ผู้รับเหมาก่อสร้าง และมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เรียบร้อยก่อน
สำหรับการดำเนินโครงการเหมืองโปแตช ของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (APOT) ที่ผ่านมา TRC ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 25.13%, กระทรวงการคลังถือหุ้น 20%, กลุ่ม 5 ชาติอาเซียนถือหุ้น 15.30% และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ ถือหุ้นที่เหลือประมาณ 40% เมื่อบริษัทได้รับสัญญาณจากรัฐบาลตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2566 จึงได้กลับมาศึกษาโครงการใหม่ โดยมีการเพิ่มทุนเหมืองโปแตชไปแล้ว 450 ล้านบาท เป็นส่วนของ TRC ประมาณ 113 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25.13% โดยบริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในเหมืองโปแตชฯ แล้ว สำหรับการเพิ่มทุนของ TRC ที่กำลังดำเนินการอยู่ครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างการเข้าไปลงทุนโครงการเหมืองโปแตชฯ
ขณะที่ มติครม.เมื่อปีก่อนมี 2 นัยสำคัญ คือ 1)ให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุน 2)ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ปรับโครงสร้างหนี้ ที่มีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท เมื่อมีการปรับโครงการสร้างหนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้ จะทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น ด้วยราคาโปแตชที่ปรับสูงขึ้นมากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และต้นทุนที่ปรับลงอย่างมาก
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรากับผู้รับเหมาในต่างประเทศ ที่จะเข้าประมูลงานโครงการเหมืองโปแตช มูลค่าโครงการประมาณ 40,000 ล้านบาท โดย TRC มองว่าจะได้รับอานิสงส์จากการรับงานก่อสร้างเหมือนกัน จากการไปช่วยผู้รับเหมาหลักที่ประมูลได้
“การจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างและการปรับโครงสร้างหนี้น่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างหนี้จะเป็นประโยชน์โดยรวม ช่วยเกษตรกรมีต้นทุนที่ถูกลง จากการได้ใช้ปุ๋ยภายในประเทศ ซึ่งนักลงทุนต่างก็มองว่าเป็นโครงการที่ดี” นายภาสิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาพในอนาคตบริษัทอีก 2 ปี โครงการก่อสร้างจะมีรายได้ลดลง และบริษัทมองเรื่องการลงทุน อะไรที่ทดแทนน้ำมันได้ ลดการใช้ที่เกิดคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนให้น้อยลง ตอบโจทย์ในด้าน ESG เป็นลักษณะการลงทุนอื่น ๆ โดยพร้อมที่จะออกมาในปีนี้ ซึ่งจะเป็นโครงการที่ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า EA มีความสนใจลงทุนเหมืองโปแตชชัยภูมิมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ปัจจุบันยอมรับว่าโครงการดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรอความชัดเจนของการเพิ่มทุน บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT ก่อน โดยคาดว่าจะเข้าไปเพิ่มทุนแบบ PP มากกว่า
“โครงการนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก สามารถสร้างรีเทิร์นได้ดีระดับหนึ่ง ต้นทุนลดลงมาก นอกจากบริษัทของเราแล้ว ก็เชื่อว่ามีหลายบริษัทที่เขาสนใจ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะลงทุนสัดส่วนเท่าไหร่ขณะนี้” นายอมร กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการในเรื่องเหมืองโปแตช โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปเร่งรัดให้ผู้ได้รับสัมปทานเหมืองแร่โปแตชทั้ง 3 ราย ดำเนินการขุดเจาะแร่โปแตช ถือว่าเป็นสารตั้งต้นสำคัญของการทำปุ๋ยเคมี และประเทศไทยมีโปแตชมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแคนาดา สารนี้เมื่อขุดเจาะมาแล้ว สามารถนำไปขายได้ ให้ราคาได้ดีในต่างประเทศ มีความต้องการสูงที่ประเทศจีน