PTTEP วิ่ง 2% รับกำไรปี 66 โตเกินคาด 7.6 หมื่นล้าน แจกปันผล 5.25 บาท

PTTEP บวก 2% หลังโชว์กำไรปี 66 พุ่ง 7.6 หมื่นล้านบาท ดีกว่าตลาดคาด พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 5.25 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าปีนี้เพิ่มการผลิตปิโตรเลียมอีก 9% อัดงบลงทุน 2.3 แสนล้านบาท ลุยโครงการจี 1/61 ผลิตก๊าซ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามแผน เม.ย.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 150 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 2.39% สูงสุดที่ระดับ 150.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 991.31 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้หลังรายงานผลประกอบการงวดปี 66 ออกมาเติบโต โดย นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 66 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 315,216 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,057 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงประมาณ 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิในปี 66 จำนวน 76,706 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,208 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70,901 ล้านบาท ทั้งนี้ประมาณ 40% ของกำไรสุทธิดังกล่าว มาจากโครงการที่ลงทุนในต่างประเทศ ทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง

โดยในปี 66 ปตท.สผ.มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 462,007 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ใกล้เคียงกับปี 2565 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 48.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 10% ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายจ่ายจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-operating items) ลดลง เช่น การประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน การบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ (Impairment) เป็นต้น

ทั้งนี้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานปี 67 ซึ่ง ปตท.สผ. ได้ตั้งงบประมาณปีนี้ไว้ที่ 230,194 ล้านบาท (เทียบเท่า 6,721 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยมีแผนจะเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายนนี้ พร้อมรักษากำลังการผลิตก๊าซฯ จากโครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) โครงการอาทิตย์ และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย

ขณะเดียวกัน จะเร่งการสำรวจปิโตรเลียมในไทยและต่างประเทศ รองรับการใช้พลังงานในอนาคต โดยในปี 67  ปตท.สผ. ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมอีกประมาณ 9% มาอยู่ที่อัตรา 505,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน รองรับการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ปตท.สผ. ได้สำรองงบประมาณเพิ่มเติม (Provisional Budget) อีกจำนวน 67,822 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,022 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วง 5 ปี (ปี 67-71) เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปี 66 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  ในปี 66 จำนวน 54,280 ล้านบาท โดยเป็นส่วนหนึ่งเพื่อการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ทั้งนี้ส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการจี 1/61 และจี 2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย

นอกจากนี้จากผลการดำเนินการดังกล่าว บริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 66 ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จำนวน 9.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ 48.9% รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 37,715 ล้านบาท ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 4.25 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 66 ส่วนที่เหลืออีก 5.25 บาทต่อหุ้น จะจ่ายในวันที่ 22 เม.ย.67 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 67 ซึ่งส่วนหนึ่งของเงินปันผลดังกล่าว จะถูกนำส่งให้กระทรวงการคลังผ่านการถือหุ้นในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ปตท.สผ. เพื่อการพัฒนาประเทศด้วยเช่นกัน

นายมนตรี กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยด้านการสำรวจ บริษัทได้ชนะการประมูลแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย รอบที่ 24 ในแปลงจี 1/65 และแปลงจี 3/65 ซึ่งทั้ง 2 แปลงอยู่ใกล้กับโครงการของบริษัทซึ่งมีการดำเนินงานอยู่แล้ว จึงสามารถพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานในอนาคต

นอกจากนั้น ยังขยายฐานการเติบโตในประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้น จากการได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงใหม่เพิ่มเติมในแปลงสำรวจเอสเค 325 รวมทั้ง ยังสำรวจพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ 3 แหล่งนอกชายฝั่งซาราวัก จากหลุมสำรวจเชนด้า-1 หลุมสำรวจบังสะวัน-1 และหลุมสำรวจบาบาด้อน-1 ซึ่งสามารถวางแผนเร่งรัดพัฒนาแหล่งที่ค้นพบในรูปแบบกลุ่ม (Cluster) เพื่อเริ่มการผลิตปิโตรเลียมได้อย่างรวดเร็วขึ้น

สำหรับในปี 66 เป็นปีที่ ปตท.สผ. ได้เริ่มขยายการดำเนินงานไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ตามแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน โดยได้รับสิทธิพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ในแปลงสัมปทาน Z1-02 ในรัฐสุลต่านโอมาน และการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 25.5 ในโครงการ Seagreen Offshore Wind Farm ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสกอตแลนด์

โดยสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ทันที รวมถึงได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ลานแสงอรุณ” ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อนำไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการผลิตปิโตรเลียมที่โครงการเอส 1 เป็นการช่วยลดการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Back to top button