JMART-JMT กอดคอวิ่ง! โบรกแนะซื้อพื้นฐานแกร่ง-ปันผลแจ่ม แถมราคาลงลึก
JMART-JMT กอดคอวิ่ง! โบรกแนะซื้อพื้นฐานแกร่ง-ปันผลแจ่ม แถมราคาลงลึก JMT โบรกเคาะเป้า 45 บาท ชูยีดล์สูง 4.36% ด้าน JMART ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ก.พ.67) ราคาหุ้นบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ณ เวลา 15:06 น. อยู่ที่ระดับ 15.60 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 5.41% สูงสุดที่ระดับ 15.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 210.88 ล้านบาท
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 15:08 น. อยู่ที่ระดับ 22.80 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 6.54% สูงสุดที่ระดับ 23.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 752.78 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้น และปรับตัวดี (Outperform) กว่าตลาดหุ้นโลก อย่าง MSCI, ACWI ปรับตัวลดลง 1.8% หุ้นที่พลิกกลับมา Outperform ในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ลงมาลึกในปีที่ผ่านมา สะท้อนได้จากข้อมูลดัชนีตลาดหุ้นต่าง ๆ ที่ลงลึกปีที่แล้ว ปีนี้ฟื้นกลับขึ้นมา
ทั้งนี้หากดูเป็นรายกลุ่ม พบว่า ปีนี้ที่ปรับตัวเด่น เช่น กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 5.7% บริการรับเหมาก่อสร้าง 5.5%ธุรกิจการเกษตร 4.3% เงินทุนและหลักทรัพย์ 4.2% ประกันภัยและประกันชีวิต 4% กลุ่มสื่อ 3.9% ซึ่งทุกกลุ่มพบว่าปีที่แล้วปรับตัวลดลงเกินลบ 20% ทั้งสิ้น ในทางกลับกัน หุ้นที่ปรับตัวดีกว่าตลาดปีที่แล้ว เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารพาณิชย์ และการแพทย์ ปีนี้ขึ้นได้น้อยกว่าตลาด
นอกจากนี้พบว่าหุ้นที่ปรับตัวดีกว่าตลาดช่วงนี้ คือ หุ้นปันผลสูง โดยเฉพาะหุ้นปันผลสูงเกิน 4% ที่จ่ายปันผลปีละครั้ง เริ่มมีเม็ดเงินทยอยเข้ามาสะสม ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นปันผลสูงจ่ายปีละครั้ง กับหุ้นพื้นฐานเด่น ราคาลงลึก
ฝ่ายวิจัยฯได้ทำการสำรวจ 4 หุ้นปันผลสูงในปี 2566 ราคาลงลึก ได้แก่ ORI ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท เงินปันผล7.37%, ASK ราคาเป้าหมาย 40 บาท เงินปันผล 7.33%, PYLON ราคาเป้าหมาย 3.72 บาท เงินปันผล 6.29% และ JMT ราคาเป้าหมาย 45 บาท เงินปันผล 4.36%
ขณะที่ 12 หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาลึก ได้แก่ JMART ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 1.63%, EA ราคาเป้าหมาย 55 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 0.85%, DCC ราคาเป้าหมาย 2.16 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 3.84%, GUNKUL ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 3.83%, STEC ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 2.84%, SCGP ราคาเป้าหมาย 46 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 1.36%,
GPSC ราคาเป้าหมาย 55 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 1.01%, IVL ราคาเป้าหมาย 34 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 2.86%, IRPC ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 3.43%, CPAXT ราคาเป้าหมาย 37 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 1.96%, SEAFCO ราคาเป้าหมาย 3.72 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 3.34%, BGRIM ราคาเป้าหมาย 32 บาท เงินปันผลปี 2566 ที่ 1.07%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดกำไรสุทธิของ JMT ไตรมาส 4/2566 ที่ 534 ล้านบาท (ก่อนหน้านี้คาดที่ 570 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 15% เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา (Q0Q) คาดจำนวนการเก็บเงินสดในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8% เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา ได้แรงหนุนจากการบริหารหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน คาดว่าหนี้จะเติบโต 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4% เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา ในไตรมาส 4/2566 คาดรายได้อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 66.9% เพิ่มขึ้น 1.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (ต้นทุนบริการที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล) ด้านส่วนแบ่งรายได้จาก JK AMC อยู่ที่ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา)
นอกจากนี้ คาดธุรกิจบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของ JMT จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 หนุนโดยการบริหารหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดย JMT ซื้อหนี้ใหม่จำนวน 6.3 พันล้านบาท ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 (เพิ่มขึ้น 278% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยบริษัทเริ่มเก็บเงินสดจากหนี้ใหม่ในไตรมาส 3/2566 มูลค่าหนี้เสียที่ตราไว้ของบริษัทอยู่ที่ 4 แสบล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 เพิ่มขึ้น 53% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน