VGI พุ่ง 8% รับข่าว “เจ้าสัวคีรี” จ่อล้างพอร์ต KEX ปลดล็อกถ่วงงบบีทีเอส
VGI พุ่ง 8% ตอบรับข่าว “เจ้าสัวคีรี” ประธานบอร์ด BTS ยอมรับกำลังตัดสินใจขายหุ้นเคอรี่ฯ ที่ถือออกทั้งหมด ลดปัญหาตัวฉุดงบการเงินรวมในกลุ่มบีทีเอส ด้านโบรกฯ มองหากทำจริงเกิดผลดีระยะยาว ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนในอนาคต แถมได้เงินสดติดมือมาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.พ.67) ราคาหุ้น บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ณ เวลา 10:12 น. อยู่ที่ระดับ 1.80 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 8.43% สูงสุดที่ระดับ 1.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.71 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184.24 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา ตอบรับข่าว นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บีทีเอส หรือ VGI อยู่ระหว่างการพิจารณาขายหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกไปทั้งหมด ซึ่งการถือหุ้นใน KEX ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่องบของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
“มีโอกาสสูงที่จะล้างพอร์ตสิ่งที่คาดการณ์ไม่ถึงออกไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัทระยะยาว (ถ้าทำ) อาจจะดีกว่าที่จะทิ้ง (KEX) ไว้บ้างแต่ขายให้หมดไปเลย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา” นายคีรี กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 2567 บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น KEX จำนวน 269,230,900 หุ้น สัดส่วน 15.45% ขณะที่บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถืออยู่ 88,100,000 หุ้น สัดส่วน 5.06% โดยหากวีจีไอขายหุ้นทั้งหมดออกมาที่ราคาเทนเดอร์ฯ 5.50 บาทต่อหุ้น VGI จะได้เงินสดทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท ส่วน BTS จะได้เงินสดจำนวน 485 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า หาก BTS และ VGI ตัดสินขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว จะทำให้ VGI ได้รับเงินสดเข้ามา และไม่มีการรับรู้ขาดทุนเพิ่มเติมในอนาคต จากธุรกิจขนส่งที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด และเป็นธุรกิจที่ทำให้ VGI มีผลขาดทุนช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ธุรกิจโฆษณานอกบ้านปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาหุ้นของ BTS และ VGI ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความกังวลงบไตรมาส 3/2566-2567 ของ VGI จะมีผลขาดทุนสุทธิ 2,700-2,900 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลขาดทุนจากการตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนในหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX และขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 170-180 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มงบปี 2566/2567 อาจมีผลขาดทุนสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท