“อิเล็กฯ” ร่วงยกกลุ่ม! KCE หนักสุด 8% ผิดหวังงบปี 66 กำไรต่ำเป้าเหลือ 1.6 พันล้านบาท

KCE ร่วง 8% นำทีมหุ้นอิเล็กฯ ปรับลง รับเซ็นติเมนต์เชิงลบ หลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด พร้อมกับผลประกอบการออกมาผิดหวัง กำไรลดลงเหลือ1.6 พันล้าน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์และตลาดคาดการณ์ไว้ พ่วงโบรกหั่นราคาเป้าหมายเหลือ 46 บาท แนะนำถือ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.พ. 67) ณ เวลา 10:33 น. ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เป็นผลมาจาก sentiment เชิงลบตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะยืดระยะเวลาการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีผลต่อกำลังซื้อ ประกอบกับเมื่อวานนี้ (13 ก.พ. 67) งบการเงินของ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ทำให้ราคาหุ้นภาคเช้าร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 41.50 บาท ลบ 3.50 บาท หรือ 7.78% และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 42.50 บาท ถึง 41.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 469.33 ล้านบาท

บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA อยู่ที่ระดับ 79.00 บาท ลบ 3.00 บาท หรือ 3.66% โดยราคาสูงสุดที่ระดับ 80.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 78.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 463.80 ล้านบาท

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA อยู่ที่ระดับ 47.75 บาท ลบ 1.25 บาท หรือ 2.55% โดยราคาสูงสุดที่ระดับ 48.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 47.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 220.06 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้ออกบทวิเคราะห์ว่า  เงินเฟ้อสหรัฐลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป (Headline) เดือน ม.ค. ลดลงสู่ระดับ 3.1% แต่น้อยกว่าที่คอนเซนซัสคาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 2.9% และเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า มากกว่าที่คอนเซนซัสคาดการณ์ไว้ที่ 0.2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ทรงตัวที่ 3.9% สวนทางกับที่คอนเซนซัสคาดการณ์ว่าจะลดลงเป็น 3.7% และเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า มากกว่าที่คอนเซนซัสคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกเป็นเดือน มิ.ย. จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่เดือน พ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group เพิ่มน้ำหนักที่เฟดจะคงอัตราดอกเพี้ยเป็น 62.3% จากเดิมให้น้ำหนักเพียง 39.3 และเพิ่มน้ำหนักลดดอกเบี้ยครังแรกในเดือนมิ.ย. เป็น 51.5% จากเดิมให้น้ำหนักเพียง 41.9% ส่งผลให้นักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนลง และกระทบต่อยอดขายของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้

นอกจากนี้ยังปัจจัยเรื่องของงบไตรมาส 4/66 และงบปี 66 ของ KCE ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำหรับกำไรสุทธิของ KCE ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 478 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และลดลง 8% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าประมาณของฝ่ายวิเคราะห์ 13%และต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด 11% แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 4/66 จะอยู่ที่ 464 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 15% เนื่องจากยอดขายต่ำกว่าที่คาดไว้ 10% และอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 0.6%

ทั้งนี้ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 66 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ต่ำกว่าประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิเคราะห์  4% ยอดขายในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และลดลง 5% จากไตรมาสก่อน แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายในไตรมาส 4/66 จะอยู่ที่ 115 ล้านดอลลาร์ฯ ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน

โดยส่งผลให้ยอดขายในปี 66 อยู่ที่ 472 ล้านดอลลาร์ฯ ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ต่ำกว่าประมาณการยอดขายเต็มปีฝ่ายวิเคราะห์ 3% ถึงแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะแสดงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่ากับที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ (23.0%) และเป้าของบริษัท (23-24%) โดยอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 22.4% (เพิ่มขึ้น 1.2ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 0.4ppts จากไตรมาสก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566 อยู่ที่ 20.8% ลดลง 1.9ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเต็มปีของเรา 40bps สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 10.3% ในไตรมาส 4/66 (จากประมาณการของเราที่ 10.7%, 10.1% ในไตรมาส 4/65 และ 10.6% ในไตรมาส 3/66)

ทั้งนี้จากฐานที่ต่ำในปี 66 ฝ่ายวิเคราะห์จึงยังคงมองว่าผลประกอบการของ KCE น่าจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2567 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ดูไม่น่าสนใจ (KGI Taiwan ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกชะลอตัวลง 1% ในปี 2567) และ KCE เลื่อนแผนขยายโรงงานที่โรจนะ (เลื่อนแผนการก่อสร้างเป็นครึ่งหลังของปี 67) เพราะอุปสงค์ที่อ่อนแอ น่าจะทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวแผ่วลง ได้ทำการทบทวนสมมติฐานยอดขาย, อัตรากำไรขั้นต้น, SG&A และอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (Figure 4) ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 ลง 6% ซึ่งจะทำให้กำไรของ KCE โต 20% ในปีนี้ และ 10% ในปี 2568

ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ลงจากเดิม 49.00 บาท เหลือ 46.00 บาท อิงจาก PER ที่ 29.0 เท่าถึงแม้จะคาดว่าผลประกอบการของ KCE จะดีขึ้นในปีนี้ แต่เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ และติดตามดูผลประกอบการในครึ่งแรกปี 67 ไปก่อน โดยคิดว่าจังหวะที่เหมาะจะกลับมาพิจารณาหุ้น KCE อีกครั้งคือประมาณไตรมาส 2/67 เพื่อดักหน้า peak season ในไตรมาส 3/67 ยังคงคำแนะนำ “ถือ” KCE

Back to top button