เปิดโผ หุ้นได้-เสียประโยชน์ “บาทอ่อน” รอบ 3 เดือน

“บล. เอเซีย พลัส” คัด 26 หุ้นได้-เสียประโยชน์ บาทอ่อนในรอบ 3 เดือน แตะ 36 บาท/ดอลลาร์ เน้นหุ้นส่งออก รับอานิสงส์เต็ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(14ก.พ.67) ค่าเงินบาทล่าสุด ณ เวลา 15:18 น. เคลื่อนไหวที่ระดับ 36.1320 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าในรอบ 3 เดือน โดยเทียบตั้งแต่ค่าเงินบาท อยู่ที่ 36.2430 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.66

ด้านนักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้(14ก.พ.67) อยู่ที่ 36.10 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.72 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนค่าเทียบท้ายตลาด เนื่องจากเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาสูงกว่าคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เด้งขึ้นมา และดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ Flow ทองคำ โดยเมื่อคืนนี้ทองคำหลุด 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว จึงอาจมี Flow ฝั่งนำเข้าทองคำได้ นอกจากนี้ต้องจับตา Flow จากต่างชาติด้วย โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.00- 36.20 บาท/ดอลลาร์

ด้านบล. เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้( 14 ก.พ.67) ว่า นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนความคิด ว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยจาก 6 ครั้งในปีนี้ เหลือเพียง 3-4 ครั้ง และเริ่มปรับตัวลงช้ากว่าเดิม กดดันให้ ในปีนี้ Bond Yield10 ปีสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 43 bps. (ytd) จาก 3.88% เป็น 4.33%

สวนทางกับประเทศไทย ที่นักลงทุนคาดว่า กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป (10 เม.ย. 67) หลังกนง.เสียงแตก 5:2 ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยตามสถิติพอ กนง.เสียงแตก มีโอกาสที่การประชุมครั้งต่อไปจะเปลี่ยนระดับดอกเบี้ยถึง75% ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปี ไทย ปรับตัวลดลงจาก 2.70% เป็น 2.55% (-15bps.)

ความแตกต่างของการเปลี่ยนแปลง Bond Yield 10 ปี ไทยและสหรัฐกลับทิศกัน โดย Bond Yield 10 ปีมีแนวโน้มลดลง ส่วนสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลต่างระหว่างผลตอบแทนจากการถือพันธบัตร 10 ปี สหรัฐกับไทยกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยปกติจะกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเสมอ และล่าสุด Bond Yield 10 ปี สหรัฐสูงกว่าไทยถึง 1.78% ซึ่งสูงกว่าในอดีตมาก อาจกดดันให้ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่า และยืนในระดับสูงนานกว่าปกติได้

ดังนั้นเริ่มเห็นโอกาสที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าสูงขึ้น กลยุทธ์แนะนำกลับมาเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า อาทิ หุ้นส่งออก HANA, SVI, DELTA, KCE, TU, ITC, AAI, CPF, GFPT, STA, NER, STGT, SAT, AH, VNG ,SCC, หุ้นอิงการท่องเที่ยว AOT, AAV, BA, MINT, CENTEL, ERW และหุ้นโรงพยาบาลมักผันผวนต่ำกว่าตลาด BH, BDMS, PR9, BCH ดังตารางทางด้านล่าง

Back to top button