EPG บวกแรง 5% รับกำไร Q3 โต 43% ลุ้น Q4 เด่นต่อ โบรกเชียร์ซื้อเป้า 9 บาท

EPG บวกแรง 5% รับกำไรไตรมาส 3 ปีบัญชี 66/67 (ต.ค.-ธ.ค. 66) พุ่ง 43.30% แตะ 305 ล้านบาท หนุนงวด 9 เดือนแรก กวาดกำไรสุทธิ 1,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% ลุ้นไตรมาส 4 เด่นต่อ โบรกแนะซื้อเป้า 9 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(19 ก.พ.67)ราคาหุ้นบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ณ เวลา 15:24 น.อยู่ที่ระดับ 7.80 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 5.41% ราคาสูงสุด 7.80 บาท ราคาต่ำสุด 7.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 16.79 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  EPG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีบัญชี 2566/2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) บริษัทมีกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 3,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3,006 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33.2%

ดังนั้น ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปีบัญชี 2566/2567 (เม.ย.-ธ.ค. 2566) บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีรายได้จากการขาย 9,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.5%

โดยมี 3 ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย1) การเติบโตของยอดขายในธุรกิจหลักมีความสม่ำเสมอ,2) ราคาปิโตรเคมีปรับตัวลง และ3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Joint venture (JV) แบบก้าวกระโดด

ขณะเดียวกัน แบ่งการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2% จากไตรมาสก่อน โดยยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าเกรดพรีเมียมและสินค้ารุ่นใหม่

ด้านธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาสก่อน โดย Aeroklas ได้รับคำสั่งซื้อจากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยอดส่งออกหลังคาครอบกระบะ (Canopy) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12.8% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการพัฒนากระบวนการผลิตให้ดีขึ้น และการปรับกลยุทธ์การขาย

นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 101.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.2 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 60 ล้านบาท มาจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจยานยนต์และธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ทั้งในและต่างประเทศ

บล.ดาโอ แนะนำ “ซื้อ” EPG  ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท ยังคงประมาณการกำไรปกติ FY24E (1 เม.ย.66-31 มี.ค.67) ที่ 1.4 พันล้านบาท โต 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรปกติ 9 เดือนปี 2567 จะคิดเป็น 74% ของทั้งปี สำหรับแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/2567 ยังสดใส จะเติบโตได้ทั้งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,และเทียบไตรมาสก่อนหน้า จาก 1) Aeroflex ผ่านช่วง low season ไปแล้ว และยอดขายในสหรัฐจะยัง เติบโตดีตามการส่งมอบสินค้าที่เพิ่มขึ้น, 2) Aeroklas ธุรกิจที่ออสเตรเลียจะกลับมาให้บริการเต็มไตร มาส และจะเริ่มรับรู้รายได้คำสั่งซื้อใหม่สำหรับรถกระบะรุ่นใหม่ของโตโยต้าตั้งแต่เดือน ม.ค.67, 3) ส่วนแบ่งกำไร JV จะดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และ 4) จะไม่มีค่าใช้จ่าย SG&A ที่เป็น one-time เหมือนกับในไตรมาส3/67

Back to top button