PK คาดกำไรปี 59 โตกว่าปี 58 เล็งหาพันธมิตรร่วมลงทุนทั้งใน-ตปท.

PK คาดกำไร-รายได้ปี 59 โตกว่าปี 58 ตั้งเป้ามีรายได้ราว 4.5 พันลบ. เล็งขยายธุรกิจไป ตปท. วางงบลงทุนปีนี้รวม 300-400 ลบ. เผยอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งใน-ตปท. เพื่อศึกษาทั้งแผนร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการ


นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 58 คาดว่าทั้งกำไรสุทธิและรายได้จะต่ำกว่าปี 57 เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ไม่เอื้อต่อการขยายตลาดในประเทศ

ขณะที่บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วแน่นอน หลังมองโอกาสการขยายตลาดไปต่างประเทศที่มีการแข่งขันไม่มาก ประกอบกับมีมาร์จิ้นที่ดีกว่า โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ราว 4.5 พันล้านบาท เติบโต 15% จากคาด 3.7 พันล้านบาทในปี 58 ขณะที่ตลาดในประเทศยังเติบโตในระดับต่ำราว 5-6% เท่านั้น พร้อมมองหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมทุนหรือซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับการขยายงาน โดยคาดว่าจะสรุปได้ 1 ดีลในปีนี้

สำหรับตลาดในประเทศปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้เพียงตัวเลขหลักเดียวราว 5-6% ซึ่งเป็นการเติบโตจากการขยายกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น จากในปีที่แล้วกลุ่มลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขณะที่ในกลุ่มลูกค้าผู้ส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง ได้รับผลกระทบจากข้อกีดกันจากการส่งอาหารไทยไปยุโรป หรือสหรัฐฯ แต่ปี 59 กลุ่มลูกค้าส่งออกน่าจะได้อานิสงส์จากการส่งออกไก่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วย

“ปีนี้โฟกัสตลาดต่างประเทศมากกว่า ตั้งเป้ารายได้จากการส่งออกปีนี้เพิ่มเป็น 35-40% จากปีก่อนที่ 28% และเพิ่มเป็น 50% ใน 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันการขยายตลาดต่างประเทศก็มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในประเทศเป็นเท่าตัวด้วย การจะขยายตลาดไปทั่วโลก เราได้ทดลองไปภูมิภาคแล้ว ตามด้วยอเมริกาเหนือ ออสเตรเลียแล้ว ทิศทางการตอบรับลูกค้าน่าจะดี”นายแสงชัย กล่าว

ขณะที่ปีนี้บริษัทมีแผนจัดตั้งสำนักงานในประเทศปานามาเพื่อดูแลภูมิภาคอเมริกาเหนือ,ใต้  จากเดิมที่เป็นเพียงสำนักงานตัวแทน นอกจากนี้ยังมองโอกาสขยายตลาดไปยังตะวันออกกลาง ในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หลังจากพบว่าในปีที่ผ่านมาการใช่จ่ายของตลาดกลุ่มนี้ไม่ได้ลดลงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะตกต่ำลงมาก โดยยังต้องรอดูทิศทางราคาน้ำมันดิบว่าจะพื้นตัวได้หรือไม่ในระยะต่อไป หากปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นก็มีโอกาสที่จะไปตั้งสำนักงานในดูไบ

ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่รุกตลาดในต่างประเทศมากขึ้นในปีนี้ เพราะมีโอกาสทางธุรกิจมาก เนื่องจากคู่แข่งในต่างประเทศมีไม่มาก เพราะการแข่งขันในตลาดโลกมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่น่าจะทำตลาดได้โดยไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังมีอัตรากำไรขั้นต้นเป็นตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นในประเทศเฉลี่ยเป็นตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น โดยจะใช้กลยุทธ์การทำตลาดด้วยการแยกประเภทผลิตภัณฑ์ และการขยายพื้นที่ขายเพิ่มเติม

“ตลาดต่างประเทศมาร์จิ้นดีกว่าเพราะมีพื้นที่ และกลุ่มลูกค้าใหญ่ สามารถเลือกทำตลาดได้ กำไรก็ดีขึ้น ขณะที่ในประเทศแข่งขันสูง การลงทุนในประเทศชะลอตัว ปี 58 มาร์จิ้นบางมากแค่ตัวเลขหลักเดียว ปีนี้จึงโฟกัสต่างประเทศดีกว่า”นายแสงชัย กล่าว 

สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน เพราะตามปกติไตรมาสแรกของปีจะเป็นไตรมาสที่ดีอยู่แล้ว เนื่องจากมีแรงส่งจากปลายปีที่ลูกค้าชะลอส่งของก็จะมาเร่งให้ส่งในต้นปีแทน

สำหรับแผนลงทุนในปีนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนรวม 300-400 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนปกติ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องจักร และเงินลงทุนใหม่ 200-300 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องระบายความร้อนสแตนเลส โดยแยกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 99.99% และจะทำตลาดไปทั่วโลก โดยมองพื้นที่บริเวณจ.เพชรบุรี เพื่อสามารถบริหารจัดการง่าย สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ ซึ่งหากสภาวะตลาดดีก็คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในไตรมาส 2/59 แต่ถ้าสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยก็อาจจะเลื่อนก่อสร้างเป็นปลายปี 59 โดยกำลังการผลิตของโรงงานเมื่อคิดเป็นมูลค่าการขายจะอยู่ที่ 500 ล้านบาท/ปี จากปัจจุบันกำลังการผลิตที่รวมอยู่ในโรงงานเดิม คิดเป็นมูลค่าการขาย 200 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้บริษัทยังมองหาพันธมิตรร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้เจรจาอยู่ 2-3 กลุ่มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อศึกษาทั้งแผนร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการที่มีความถนัด ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า ขยายพื้นที่ โดยคาดว่าจะสรุปได้ 1 ดีลในปีนี้ ขณะที่ยังมีแผนจะล้างหนี้ที่มีอยู่ราว 500-600 ล้านบาทให้หมดในอีก 2 ปีหรือภายในปี 61 ด้วย

“การร่วมทุนหรือเทคโอเวอร์ จะต้องไม่กระทบฐานะการเงินและความสามารถของเรา ขนาดดีลที่มองราว 10% ของรายได้รวม หรือ 400 ล้านบาท”นายแสงชัย กล่าว

อนึ่ง PK กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อเดือนก.ค.58 หลังจากที่ได้ฟื้นฟูกิจการผ่านกระบวนการศาลล้มละลาย และปรับโครงสร้างทางการเงินแล้ว โดยราคาหุ้น PK ซื้อขายล่าสุดวันนี้ ลดลง 0.04 บาท หรือ 1.02% มาที่ 3.88 บาท

Back to top button