หุ้นยุโรปปิดร่วง นักลงทุนวิตกตลาดหุ้นจีนดิ่งหนัก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนประกาศระงับการซื้อขายเมื่อวานนี้ อันเนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต โดยความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนได้ฉุดหุ้นกล่มเหมืองแร่และกลุ่มรถยนต์ในตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงด้วย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.2% ปิด (7 ม.ค.) ที่ 346.51, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,979.85 จุด ร่วงลง 234.17 จุด หรือ -2.29%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,403.58 จุด ลดลง 76.89 จุด หรือ -1.72% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,954.08 จุด ดิ่งลง 119.30 จุด หรือ -1.96%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน หลังตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้ประกาศระงับการซื้อขายเมื่อวานนี้ ตามกลไกเซอร์กิตเบรกเกอร์ ภายหลังดัชนีหุ้นร่วงลงไปกว่า 7%
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ที่จีนประกาศใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักนั้น มาจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดค่ากลางเงินหยวนลงสู่ระดับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อวานนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 8.3%
ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ต่างก็ร่วงลงไปกว่า 3.8% ส่วนหุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับลง 3.3% โดยราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากมีรายงานว่า โฟล์คสวาเกน ค่ายรถสัญชาติเยอรมัน อาจถูกสั่งปรับเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งฐานฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Act) หลังพบว่ามีการแอบติดตั้งอุปกรณ์โกงการตรวจจับมลพิษไอเสียในรถยนต์ดีเซลเกือบ 600,000 คัน