“จุลพันธ์” ยัน “เศรษฐา” ไม่ได้ลาออก รมว.คลัง ตามข่าวลือ!
“จุลพันธ์” ยัน “เศรษฐา” ไม่ได้ลาออก รมว.คลัง ตามสื่อนอกตีข่าวซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสข่าวเรื่องการลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานต่อโดยอ้างอิงข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจนั้น ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ลาออก และยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอยู่ การที่สื่อต่างประเทศรายงานนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ถ้ามีการลาออกจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด
ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะสละตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอาจบรรเทาความตึงเครียดกับธนาคารกลางกรณีความขัดแย้งด้านนโยบายทางการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจรายงานเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมาว่า นายพิชัย ชุณหวชิร อาจได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ขณะที่ไม่ระบุว่าได้ข้อมูลมาจากแหล่งใด
นายพิชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเป็นคนสนิทของนายเศรษฐา และถูกมองว่าสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างเร่งด่วนได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังรายงานต่อโดยอ้างอิงข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจว่า ตารางงานที่ซับซ้อนของนายเศรษฐาได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใหม่ โดยการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใหม่จะช่วยลดภาระงานดังกล่าวลงได้
นายกรัฐมนตรีปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าปัจจุบันยังปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น และต้องการเวลาในการพิสูจน์ความสามารถเพิ่มเติม การเลือกนายพิชัยมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอาจช่วยลดความตึงเครียดระหว่างฝ่ายบริหารของนายเศรษฐาและธนาคารกลางได้ เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานมักจะขัดแย้งกันเรื่องแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปฏิเสธข้อเรียกร้องของนายเศรษฐาที่ต้องการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อติดลบ
รัฐมนตรีการคลังคนใหม่จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น แผนการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ทมูลค่า 10,000 บาท ให้กับประชาชน 50 ล้านคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการกระตุ้นการบริโภคของประเทศ
แผนดังกล่าวคือนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางว่าอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและมีความเสี่ยงต่อการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เนื่องจากการจัดการงานหลัก 2 งานในเวลาเดียวกันถือเป็นเรื่องท้าทายมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังควรเป็นผู้ที่เข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจและสามารถรักษาสมดุลระหว่างมาตรการระยะสั้นและระยะยาวได้ การมีรัฐมนตรีคนใหม่อาจช่วยลดความตึงเครียดกับธนาคารกลางได้
เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตร้อยละ 1.9 ในปี 2566 ซึ่งตามหลังอัตราการเติบโตของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
นายเศรษฐาต้องการเห็นเศรษฐกิจที่เติบโต 5% ต่อปี และได้เปิดเผยมาตรการต่างๆ รวมถึงการยกเว้นวีซ่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
แนวโน้มการเติบโตที่ซบเซาและการปะทะกันระหว่างธนาคารกลางกับรัฐบาลสร้างความปั่นป่วนให้กับนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้พวกเขาต้องทิ้งพันธบัตรและหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่าสุทธิ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน
ค่าเงินบาทเปลี่ยนจากสกุลเงินที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในเอเชียในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ไปสู่ระดับที่เลวร้ายที่สุดในปี 2567 โดยลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ