TKN บวก 3 วันติด! วิ่งอีก 7% ส่งซิกครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง ลั่นยอดขายเติบโต 15%

TKN บวก 3 วันติด! วิ่งอีก 7% แย้มครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง ลั่นยอดขายเติบโต 15% เหตุตุนวัตถุดิบสาหร่ายรองรับการผลิตครอบคลุมทั้งปีแล้ว ควบคู่การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ด้าน Bloomberg consensus ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 11.80 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มี.ค.67) บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ณ เวลา 10:17 น. อยู่ที่ระดับ 11.20 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 6.67% สูงสุดที่ระดับ 11.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 121.17 ล้านบาท ราคาหุ้นบวก 3 วันติด โดยนับจากหุ้นปิดที่ระดับ 10.20 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.67 จนถึงล่าสุดวันนี้อยู่ที่ระดับ 11.20 บาท

โดยก่อนหน้านี้นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ  TKN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทจะพยายามสร้างกำไรสุทธิให้มากที่สุด หลังสามารถบริหารจัดการวัตถุดิบสาหร่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังทิศทางราคาสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทุกภาคส่วนของบริษัทให้เต็มที่

โดย ณ ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการซื้อวัตถุดิบสาหร่ายครอบคลุมการผลิตทั้งปี 2567 แล้ว โดยในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ได้พยายามซื้อให้ได้มากที่สุด ก่อนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงหมดฤดูการซื้อวัตถุดิบสาหร่าย เพื่อจะลดปัญหาวัตถุดิบสาหร่ายไม่เพียงพอสำหรับการผลิต รวมทั้งขณะนี้คู่แข่งในตลาดถดถอยลง บริษัทมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจจากวิกฤตของคู่แข่ง เนื่องจาก TKN มีบุคลากรที่มีศักยภาพ และมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับในทุกสถานการณ์ ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังต้องรอประเมินอีกครั้ง

นางทิพย์นภา จิตต์แจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการเงิน TKN  กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมียอดขายเติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,547.8 ล้านบาท เนื่องจากตลาดหลักในทุกประเทศมีการขยายตัวที่ดี  และจะพยายามรักษาการทำกำไรในไตรมาส 1/2567 และไตรมาส 2/2567 ให้อยู่ในระดับที่ดี แม้ทิศทางราคาสาหร่ายมีการปรับตัวขึ้น แต่ยอดขายที่สูงขึ้นตาม ทำให้กำไรยังขยายตัวได้จากฐานเดิม

สำหรับการเติบโตของธุรกิจบริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์ 3 Go ได้แก่ 1. Go Firm ที่จะเน้นเรื่องต้นทุนให้เข้มข้นกว่าปีก่อน และเน้นประสิทธิภาพในการปรับปรุงการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบสาหร่ายให้ดีขึ้น ควบคู่กับการเน้นบริหารคลังสินค้า และช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดที่เหมาะสม เพื่อการบริหารกำไรให้ดีขึ้น และการนำข้อมูลมาใช้ร่วมกับการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ จะเน้นตัดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และหันมาเน้นธุรกิจที่ทำกำไรมากขึ้น เช่น ธุรกิจร้านอาหาร

2.Go Broad ที่จะเน้นการขยายช่องทางการกระจายสินค้าให้กว้างขึ้น ทั้งในตลาดไทย จีน สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย รวมทั้งการขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นทุกตลาดในหลายประเทศ ที่สำคัญจะเน้นนำเสนอสินค้าที่เป็นนวัตกรรมต่อผู้บริโภคให้มากขึ้น และ 3.Go Global ที่ยังคงเน้นเรื่องการผลักดันแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นแบรนด์ระดับโลก ควบคู่ไปกับการมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ และขับเคลื่อนธุรกิจด้วย ESG ซึ่งในปี 2567 จะมีการนำ EV truck มาใช้ด้วย

“ฐานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น และที่ผ่านมามีการใช้คืนหนี้เงินกู้ระยะสั้น ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.45 เท่า ส่วนอัตราถั่วเฉลี่ยในการเก็บหนี้ของประเทศไทยทรงตัวที่ 89 วัน และต่างประเทศดีขึ้น 4 วัน เหลือ 15 วัน” นางทิพย์นภา กล่าว

นายวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ TKN กล่าวอีกว่า ตลาดต่างประเทศของบริษัทยังมีการขยายตัวอย่างโดดเด่น เช่น ตลาดจีน ที่ได้มีการปรับพอร์ตสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดพื้นที่นั้น ๆ และมีการนำรสชาติสตรีทฟู้ดเข้าไปเจาะตลาด ซึ่งได้การตอบรับที่ดีมาก และต่อยอดไปยังตลาดอื่นด้วย ส่วนตลาดอินโดนีเซีย ได้มีการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น จากรายได้เดิมที่ครอบคลุมเพียงเมืองใหญ่ ซึ่งในปี 2567 จะมีการนำเสนอสินค้ารูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น

ด้านบริษัท หลักทรัพย์ กรุง ไทย เอ็กซ์ สปริง จำกัด ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 15% ในปี 67 โดยจะสานต่อกลยุทธ์ “3GO” อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ

สำหรับปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขาย 5.32 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจ่ายเงินปันผล 0.15 บาท/หุ้น โดย Bloomberg consensus ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 11.80 บาท

Back to top button