PLUS บวกแรง 8% นิวไฮรอบ 6 เดือน ลั่นรายได้ปีนี้โตเกิน 50%
PLUS บวกแรง 8% นิวไฮรอบ 6 เดือน ลั่นรายได้ปีนี้โตเกิน 50% แตะ 2.1 พันล้านบาท เดินหน้าขายสินค้าเดิม ควบคู่ออกสินค้าใหม่ พร้อมปักธงเน้นขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 มี.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ล่าสุด ณ เวลา 11:06 น. อยู่ที่ระดับ 7.75 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 7.64% สูงสุดที่ระดับ 7.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.45 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.47 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 6 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 8.00 บาท เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66
โดยก่อนหน้านี้นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัท โดยบริษัทคาดว่ามีโอกาสรายได้ทั้งปี 2567 และรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1-4 ของปี 2567 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้ โดยบริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมในปี 2567 จะเติบโตที่ระดับ 2,100 ล้านบาท เติบโตเกิน 50% จากปี 2566 โดยจะมาจากการขายสินค้าเดิมที่มีอยู่ และการออกสินค้าใหม่ (New Product) นอกจากนี้จะมีการรับรู้จากการขยายไลน์ผลิตขวด PET ที่จะเพิ่มเข้ามาด้วย
สำหรับการขยายตลาดในปี 2567 ภายในประเทศไทยยังคงรักษาตลาดไว้ โดยมีแผนจะออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเน้นสินค้าที่เป็นขวด PET แต่จะไม่มีการทำตลาดใหญ่ เพราะบริษัทยังคงเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนตลาดต่างประเทศ ในภาพรวมยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567
โดยกลุ่มสินค้าเดิมที่เป็นขวดแก้วก็มีการเติบโต ทั้งช่องทางเดิมและการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนขวด PET หลัก ๆ จะเติบโตจากตลาดจีน ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มน้ำมะพร้าว ขณะที่น้ำผลไม้ผสมวุ้น จะเติบโตในประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา เป็นหลัก นอกจากนี้ ในประเทศอื่น ๆ ยังคงมีการเติบโต เช่น ประเทศอินเดีย ลาตินอเมริกา เป็นต้น แต่เป็นประเทศที่มีฐานรายได้ที่ต่ำ จึงยังมีสัดส่วนที่น้อย
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 98% มีการส่งออกไปใน 7 ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ได้แก่ 1. จีน, 2. ยุโรป, 3. ตะวันออกกลาง, 4. อเมริกา, 5. เอเชีย, 6. อาเซียน และ 7. ออสเตรีย สำหรับปัญหาสงครามในต่างประเทศที่เกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะการส่งออกไปในประเทศที่เกิดสงครามยังคงมีสัดส่วนที่น้อยมาก ส่วนประเทศที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก็ไม่กระทบกับบริษัทเช่นกัน
นายพลแสง กล่าวอีกว่า สินค้าหลักที่ขายดีติด Top 3 ของบริษัท ได้แก่ 1.น้ำมะพร้าว, 2.เครื่องดื่มผลมเม็ดแมงลัก และ 3.น้ำมะพร้าวผสมเนื้อวุ้น โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มต่อเนื่อง ได้แก่ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ “มาบุ โคโค่” และน้ำผลไม้ 100% แบรนด์ “รอยัล โคโค” ซึ่งเป็นสินค้าเพื่อส่งออกเป็นหลัก
ส่วนกำลังการผลิตรวมในปี 2567 อยู่ที่ 350 ล้านขวดต่อปี แบ่งเป็น กำลังการผลิตขวดแก้ว จำนวน 200 ล้านขวดต่อปี และกำลังการผลิตขวด PET จำนวน 150 ล้านขวดต่อปี ซึ่งในส่วนของกำลังการผลิตขวด PET ในปี 2567 จะรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตดังกล่าวเข้ามาเต็มปี หลังจากเริ่มผลิตไปบ้างแล้วบางส่วนในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา
“แนวโน้มของคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในปัจจุบันยังเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มสินค้าขวด PET ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง ดังนั้น เราเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 1/2567 จะยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทยังมีแผนลงทุนในส่วนของ Utilities (สาธารณูปโภค) และติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เพื่อเป็นการลดต้นทุนเพิ่มเติม แต่ยังอยู่ในช่วงพิจารณางบลงทุน” นายพลแสง กล่าว
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.พ.67) ว่า PLUS แนะนำซื้อเป้า 8.00 บาท หลังบริษัทรายงานกำไรปกติไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 53 ล้านบาท (โต 82% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 13% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ส่วนรายได้อยู่ที่ 337 ล้านบาท (โต 45% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 18% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยรวมยอดขายปรับตัวดีขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าในไลน์ผลิตขวด PET และสินค้า cocogurt
ส่วน GPM ปรับตัวลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30% (ไตรมาส 4/2565 = 25.1%,ไตรมาส 3/2566 = 31.3%) จากรายได้ที่ลดลงคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 โดยประมาณกำไรปกติปี 2567 ที่ 255 ล้านบาท (+41% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตจากยอดขายที่สหรัฐอเมริกาเริ่มกลับมาเป็นปกติ หลังจากเกิดปัญหาในช่วงไตรมาส 1/2566 รวมถึงยอดขายที่จีนจะเพิ่มขึ้นจากสินค้าน้ำมะพร้าวในขวด PET จากออเดอร์ช่วงตรุษจีน