GRAMMY ตั้งเป้าปี 59 “ช่องวัน” มีรายได้โต 80% ตามแผนขึ้นโฆษณา-รุกลงทุน

GRAMMY ตั้งเป้า "ช่องวัน" ทำรายได้ปี 59 โต 80% ตามแผนขึ้นโฆษณา รุกลงทุน เตรียมงบลงทุนรวมไว้ 2 พันลบ. ใช้ลงทุนด้านคอนเท้นท์ 1.5 พันลบ. และอีก 500 ลบ. เป็นค่าใช้จ่ายจากการออกอากาศ


นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ช่องวัน 31 บริษัทในเครือบริษัท จี เอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ช่องวัน 31 ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 80% จากปีก่อนทำได้กว่า 1,000 ล้านบาท

โดยจะมาจากรายได้ค่าโฆษณาเป็นหลัก ซึ่งมีแผนปรับขึ้นค่าโฆษณาปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.59 จากปัจจุบันค่าโฆษณาในช่วงเวลาปกติเฉลี่ยต่อนาทีอยู่ที่ 30,000 บาท และในช่วงที่ได้รับความนิยม (Prime Time) ราคาสูงสุดอยู่ที่ 150,000 บาท/นาที

ทั้งนี้ช่องวัน 31 ตั้งเป้าจะมีเรทติ้งปีนี้อยู่ที่ระดับกว่า 1 จากปีก่อนอยู่ที่ 0.3 และติดอันดับ 3 ของอุสาหกรรมโทรทัศน์ไทย จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับประมาณ 5-6  โดยเตรียมปรับผังรายการใหม่ ขยายคอนเท้นท์ในช่วงเวลาไพร์มไทม์มากขึ้น เวลา 20.15-22.15 น. ซึ่งจะนำรายการบางรายการที่เป็นแม่เหล็กของช่อง เช่น รายการ 4 โพดำ เป็นต้น ที่จะขยายเวลาการออกอากาศ เพื่อเรียกเรทติ้ง และให้สอดคล้องกับความต้องการผู้รับชม รวมถึงการขยายคอนเท้นท์ในรายการรูปแบบอื่นๆ ทั้ง ข่าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กีฬา อีกทั้งจะเน้นการออกอากาศในช่วงเวลาไพร์มไทม์ ของวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ในเวลา 10.00-14.00 น.

นอกจากนี้เตรียมงบลงทุนรวมไว้ 2,000 ล้านบาท ใช้ลงทุนด้านคอนเท้นท์ราว 1,500 ล้านบาท และอีกจำนวน 500 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายจากการออกอากาศ (broad casting cost) ซึ่งเงินลงทุนจะนำมาจากการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน

“ปีนี้คงเป็นปีที่เราจะบุกอีกระดับหนึ่ง จากปีก่อนเราก็บุกในเรื่องของไพร์มไทม์ แต่ยังไม่ 100% โดยเราจะสู้มากขึ้น และถึงเวลาแล้วที่เราจะมีการลงทุนเพิ่ม แต่การลงทุนก็ยังคงต้องระมัดระวังอยู่ ซึ่งในฐานะที่เป็นทีวีดิจิตอล มีความแข็งแกร่ง มีพันธมิตรที่ดี เรามั่นใจจะสามารถทำให้ช่องวัน 31 ขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยได้ในปีนี้ จากอันดับที่ 5-6” นายถกลเกียรติ กล่าว

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมโทรทัศน์โดยรวมในปีนี้ มองว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการนำเสนอคอนเท้นท์ ของแต่ละช่องที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น ขณะที่การเรียงลำดับช่องทีวีดิจิตอล เพื่อให้ค้นหาได้ง่ายเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทำให้ผู้รับชมสามารถเข้าถึงรายการต่างๆได้ง่ายขึ้น และความพร้อมของกล่องทีวีดิจิตอลปีนี้น่าจะครอบคลุม 100% ได้ จากปีก่อน 80% รวมถึงความเชื่อมั่น มั่นใจของเอเจนซี่โฆษณาในดิจิตอลทีวีมีมากขึ้นอีกด้วย จึงเป็นปัจจัยที่น่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมเติบโตไปได้

Back to top button