BKGI เด้ง 5% ลั่นรายได้ปีนี้โต 50% ทุ่ม 100 ล้านบาท ลงทุนห้องแลบ-เครื่องมือพันธุกรรม

BKGI ดีดกลับ 5% ลั่นเป้ารายได้ปี 67 โต 30-50% พร้อมทุ่ม 100 ล้านบาท ลงทุนห้องแล็บ-เครื่องมือพันธุกรรม ปักธง 3 ปีจากนี้รายได้โตเท่าตัว ก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำด้านวิทยาการสมัยใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 มี.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI ณ เวลา 10:10 น. อยู่ที่ระดับ 4.38 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 5.29% สูงสุดที่ระดับ 4.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252.87 ล้านบาท

ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทจะมุ่งขยายบริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องอีกมาก และจะพยายามขยายการบริการที่มีอยู่เดิมให้เต็มที่ ได้แก่ 1.การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2.การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ 3.การตรวจคัดกรองอื่น ๆ 4.การจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ และ 5.งานด้านเทคโนโลยี เป็นต้น เพื่อผลักดันรายได้รวมของปี 67 ให้เติบโต 30-50% จากปี 66 ที่มีรายได้รวม 247.34 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 50-100 ล้านบาท เพื่อลงทุนห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แล็บ) เครื่องมือทางการแพทย์ หรือเครื่องตรวจพันธุกรรม และอื่น ๆ ส่วนแนวคิดในการขยายบริการไปสู่ระดับหัวเมืองจังหวัดหลักในประเทศไทยนั้น จะเป็นในรูปแบบศูนย์รับเคสตัวอย่างมากกว่า เนื่องจากการลงทุนห้องแล็บด้านพันธุกรรม และเครื่องมือทางการแทพย์ที่เกี่ยวข้องมีราคาสูงมาก

ขณะที่ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 67-69) บริษัทประเมินว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้มีการเติบโตเป็นเท่าตัว สอดคล้องกับการร่วมกับโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน เพื่อขยายการบริการที่เกี่ยวข้องภายใต้บริการเดิม หรืออาจมีการพัฒนาการด้านการแพทย์ใหม่ ๆ ภายใต้องค์ความรู้ที่ส่งผ่านมาจากบริษัทแม่อย่าง BGI ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นหนึ่งในการนำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก มาใช้ในการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ของ BKGI เพื่อให้ประชากรไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในอนาคต ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยและต่างประเทศ

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ BKGI จะมุ่งสู่องค์กรชั้นนำด้านวิทยาการสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ทั้งสุขภาพเฉพาะบุคคลและการสาธารณสุข โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้ประชากรมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

1.ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ คลินิก โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์, 2.หน่วยงานวิจัยของภาครัฐและเอกชน และ 3.กลุ่มลูกค้าทั่วไป

นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกําไรสุทธิจากงบการเงิน เฉพาะกิจการของบริษัทในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสํารองตามกฎหมาย ทั้งนี้บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะทางการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน และความจําเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียน ในการบริหารจัดการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

Back to top button