UAC เล็งซื้อธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ คาดสรุป 1 รายในปีนี้
UAC อยู่ระหว่างเจรจาซื้อธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ คาดสรุป 1 รายในปีนี้จากเจรจรา 1-2 ราย
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน)หรือ UAC เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มเติม โดยได้มีการเจรจาอยู่ 2-3 ราย เป็นธุรกิจพลังงานทดแทนภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ภายในปีนี้อย่างน้อย 1 ราย โดยบริษัทถือว่ามีศักยภาพในการลงทุนต่อปีราว 1,000 ล้านบาท
“บริษัทได้มีการพูดคุยและศึกษารายละเอียดของตัวธุรกิจพลังงานทดแทนที่จะเข้าซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าจริงๆ เราถึงจะเข้าไป ซึ่งหลังการลงทุนแล้วต้องเข้ามาต่อยอดทางธุรกิจและเสริมศักยภาพของ UAC ให้แข็งแกร่ง โดยมีเจรจาอยู่ 2-3 ราย แต่คาดจะชัดเจนได้ 1 รายในปีนี้”นายชัชพล กล่าว
อนึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้ควบรวมกิจการ บริษัท ยูเอซี แอดวานซ์ โพลีเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (UAPC) ซึ่งเป็นธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ ส่งผลสนับสนุนให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นในปี 58 และบริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์การขยายตลาดในธุรกิจดังกล่าวเพื่อต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งมีการขยายธุรกิจไปยังกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม หรือกลุ่ม CLMV เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยตั้งเป้ายอดขายจากบริษัท UAPC 500 ล้านบาทในปี 59 นอกจากนี้ บริษัทฯกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนด้านพลังงานในกลุ่ม CLMV เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ UAC ในระยะยาว
สำหรับการร่วมทุนโครงการ บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง UAC ที่ถือหุ้นอยู่ 30% และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ถือหุ้น 70% อนึ่ง BBF เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเหลวที่นำไปใช้เป็นส่วนผสมทดแทนบางส่วนในน้ำมันดีเซลที่ได้จากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมเพื่อให้ได้น้ำมันไบโอดีเซลประเภทต่างๆ เช่น น้ำมันไบโอดีเซล B7 หรือ B10 เป็นต้น
ขณะนี้โครงการไบโอดีเซลดังกล่าว จะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตในเชิงพาณิชย์โรงงานที่ 2 ภายในไตรมาส 2/59 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 8.1 แสนลิตร/วัน จากเดิม 3.5 แสนลิตร/วัน ทั้งนี้ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 59 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโต 15-20% หรือแตะระดับ 1,800 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ เทรดดิ้งและธุรกิจการผลิตเคมีภัณฑ์-พลังงานทดแทน 50:50 จากปี 58 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 75:25 ตามลำดับ